กลับบ้านแล้ว! คนไทยจากอู่ฮั่นหายป่วย COVID-19
คนไทยที่เดินทางมาจากอู่ฮั่น 1 ใน 138 คน หายป่วย COVID-19 แล้ว ล่าสุดยอดผู้ป่วยสะสมคงเดิม 35 คน หายป่วย 20 คน ขณะที่ สธ. แนะประชาชนหลีกเลี่ยงเดินทางไปประเทศที่มีรายงานการระบาด พร้อมคุมเข้มคัดกรองใน 8 จังหวัดท่องเที่ยว
เว็บไซต์ https://news.thaipbs.or.th/ รายงานว่า ความคืบหน้าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 วันนี้ (22 ก.พ.2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค และ นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิชย์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ว่า วันนี้มีผู้ป่วยยืนยันกลับบ้านได้เพิ่มอีก 1 คน เป็นชายไทยอายุ 24 ปี รักษาที่โรงพยาบาลชลบุรี ซึ่งเป็น 1 ในกลุ่มไทยกลับบ้าน 138 คน ทำให้มีผู้ป่วยยืนยันรักษาหายกลับบ้านแล้ว 20 คน เหลือนอนในโรงพยาบาล 15 คน รวมผู้ป่วยยืนยันสะสมเท่าเดิม คือ 35 คน และไม่มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่ม ส่วนใหญ่อาการดีขึ้น ส่วนผู้ป่วยที่ใช้เครื่องเอคโม (ECMO) หรือเครื่องช่วยพยุงการทำงานของปอด และรายที่เป็นวัณโรคร่วมด้วย อาการคงที่ ยังอยู่ในห้องไอซียู โดยทีมแพทย์ให้การดูแลอย่างใกล้ชิด
เข้มเฝ้าระวัง 8 จังหวัดท่องเที่ยว
ขณะที่ไทยได้ดำเนินมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกันโรคติดเชื้อ COVID-19 ครบ 50 วัน ได้เริ่มคัดกรองผู้เดินทางมาจากประเทศที่มีการระบาดของโรค ตั้งแต่วันที่ 3 ม.ค.2563 ในขณะนั้นยังไม่มีรายงานการระบาดจากคนสู่คน จึงขอให้ประชาชนมั่นใจระบบเฝ้าระวังควบคุมโรคของไทย ซึ่งยังเข้มมาตรการต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน และเป็นประเทศแรก ๆ ของโลกที่เริ่มการคัดกรองทุกสนามบินที่มีเที่ยวบินตรงมาจากเมืองที่มีการระบาด ทำให้ตรวจพบผู้ป่วยยืนยันนอกประเทศจีนคนแรกของโลก โดยรัฐบาลได้ยกระดับศูนย์ปฏิบัติการระดับประเทศ และคณะกรรมการอำนวยการโรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้เห็นชอบแผนบูรณาการความร่วมมือพหุภาคีเพื่อความปลอดภัยและลดผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เตรียมความพร้อมรับมือหากเข้าสู่ระยะที่ 3 ซึ่งเป็นการระบาดในวงกว้างในประเทศ แม้ว่าสถานการณ์ขณะนี้ยังอยู่ในระยะที่ 2 ก็ตาม โดยขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันดำเนินงาน เข้มมาตรการเฝ้าระวังคัดกรองผู้เดินทาง ทั้งที่ท่าอากาศยาน ท่าเรือ ด่านพรมแดนทางบก รวมทั้งการเฝ้าระวังในประเทศ เน้นใน 8 จังหวัดท่องเที่ยว
เลี่ยงสถานที่แออัด-ล้างมือ
นพ.ธนรักษ์ กล่าวต่อว่า ภาพรวมความเสี่ยงในประเทศขณะนี้ยังต่ำมาก อย่างไรก็ตามยังคงต้องเฝ้าระวังควบคุมสถานการณ์อย่างเต็มที่ เพื่อให้ยืดระยะเวลาที่จะพบผู้ป่วยเพิ่มจำนวนมากออกไปให้นานที่สุด สิ่งสำคัญคือความร่วมมือ และความเข้าใจของคนไทย จะต้องไม่ตื่นตระหนก ไม่เชื่อข่าวลวง งดแชร์ข้อมูลที่เป็นเท็จที่แชร์ต่อกันมา ให้ตรวจสอบข้อมูลก่อนแชร์ ปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข ไม่ว่า COVID-19 จะอยู่ในสิ่งแวดล้อมนานหรือไม่ ก็จะสามารถป้องกันการติดเชื้อได้ หากมีไข้ร่วมกับอาการไอ จาม มีน้ำมูก ต้องพักอยู่ที่บ้าน สวมหน้ากากอนามัยเมื่อไปพบแพทย์ ผู้ที่ไม่ป่วยขอให้หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ที่มีคนอยู่รวมกันจำนวนมาก ล้างมือบ่อย ๆ หลังสัมผัสสิ่งของต่าง ๆ ไม่นำมือมาสัมผัสใบหน้า จมูก ปาก สำหรับคนที่มีความเสี่ยงสูง เช่นคนทำงานใกล้ชิดนักท่องเที่ยว ให้ใส่หน้ากากอนามัยป้องกันตนเอง หากมีอาการคล้ายไข้หวัด ไอ จาม มีน้ำมูก ให้รีบไปพบแพทย์
สำหรับคำแนะนำสำหรับผู้ที่เดินทางไปในพื้นที่ที่มีรายงานการระบาดอย่างต่อเนื่องตามประกาศขององค์การอนามัยโลก ควรปฏิบัติตนดังนี้
ก่อนการเดินทาง ขอให้หาข้อมูลสถานการณ์การระบาดของประเทศปลายทาง โดยสามารถตรวจสอบข้อมูลได้ที่เว็บไซต์กรมควบคุมโรค หรือองค์การอนามัยโลก หากไม่จำเป็นขอให้พิจารณาหลีกเลี่ยง หรือเลื่อนการเดินทางไปยังประเทศที่มีการระบาดต่อเนื่องตามที่องค์การอนามัยโลกประกาศ แต่หากจำเป็นต้องไปขอให้เตรียมความพร้อมเรื่องการป้องกันตนเอง เช่น เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ หน้ากากอนามัย และศึกษาคำแนะนำในการป้องกันการติดเชื้อ
ระหว่างการเดินทาง ขอให้ระมัดระวังตนเองเป็นพิเศษ โดยเฉพาะการเข้าไปในพื้นที่ที่มีคนรวมกันอยู่จำนวนมากหรือที่สาธารณะ ขอให้หมั่นล้างมือ อย่าขยี้ตา แคะจมูก ควรสวมหน้ากากอนามัยป้องกัน หากเจ็บป่วยให้ประสานขอความช่วยเหลือกับสถานทูต
ประเทศไทยไม่มีนโยบายการกักตัวผู้เดินทางที่สนามบิน แต่มีมาตรการการตรวจคัดกรองและการเฝ้าระวังต่อเนื่องจนครบ 14 วัน หากมีอาการป่วยระหว่างเข้าประเทศ จะถูกแยกตัวไว้เพื่อตรวจวินิจฉัยและส่งไปที่โรงพยาบาลที่กำหนด แต่หากไม่มีอาการป่วยจะได้รับบัตรคำเตือนสุขภาพพกติดตัวไว้ เมื่อกลับบ้านแล้วมีอาการสงสัยป่วยขอให้สวมหน้ากากอนามัย วัดไข้ทุกวัน ไม่ใช่ของร่วมกับผู้อื่น ไม่ใช้ขนส่งสาธารณะ หากอาการไม่ดีขึ้นให้รีบไปพบแพทย์ แจ้งประวัติการเดินทาง หรือโทรสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 กรณีที่หลายหน่วยงานมีการออกคำสั่งห้ามเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานตนเดินทางไปประเทศที่พบการระบาดของโรคนั้น ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก เป็นความห่วงใยแต่ละหน่วยงาน โดยกระทรวงสาธารณสุข ยืนยันว่า ไม่ได้ห้ามเจ้าหน้าที่ในสังกัดเดินทางไปต่างประเทศ แต่ขอให้พิจารณาชะลอหรือเลื่อนการเดินทางในช่วงนี้ไปก่อน เพื่อลดความเสี่ยงของบุคลากร
ขอความร่วมมือประชาชนปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ” หมั่นล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอด้วยน้ำ และสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจลล้างมือ ไม่นำมือมาสัมผัสตา จมูก ปาก โดยไม่จำเป็น สวมหน้ากากอนามัยแบบผ้าที่สะอาดเมื่ออยู่ในสถานที่ที่มีคนอยู่รวมกันจำนวนมาก ผู้ป่วยและผู้ที่มีอาการ ไอ จาม ควรใช้หน้ากากอนามัยทางการแพทย์เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ สำหรับหน้ากากอนามัยประเภท N95 จะใช้ในเจ้าหน้าที่ที่ดูแลรักษาใกล้ชิดกับผู้ป่วย