ก.สาธารณสุข ตั้งเป้า อสม. 9 แสนจบ ม.6 เป็นผู้นำเปลี่ยนสุขภาพชุมชน
สธ.เดินหน้า “อสม.อนาคตดี เรียนฟรีกับ กศน. ต่อยอดวุฒิการศึกษา อสม. 9 แสนคนจบขั้นต่ำ ม.6 ตั้งเป้าปีนี้ 3 แสนคน เปิดโควต้าต่อ ป.ตรี พยาบาล-สาธารณสุข-ทันตะ-เภสัช หวังเป็นผู้นำสุขภาพชุมชน กายแกร่ง สมองดี
ดร.พรรณสิริ กุลนาถศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “โครงการ อสม.อนาคตดี ไปเรียนฟรีกับ กศน.” ระหว่างผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย จังหวัดพิษณุโลก กระทรวง ศึกษาธิการ กับประธานชมรมอาสาสมัครสาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก และตรวจเยี่ยมการเรียนการสอนของ อสม.ที่ศูนย์การศึกษาตำบลพรหมพิราม
ดร.พรรณสิริ กล่าวว่าวัตถุประสงค์ของโครงการดังกล่าวเพื่อยกระดับการศึกษาให้ อสม.ที่ยังไม่จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งจากผลสำรวจล่าสุดพบว่ามีจำนวนมากถึง 966,690 คนทั่วประเทศ หรือร้อยละ 96 ของ อสม.ทั้งหมด 1,005,633 คน โดยให้ อสม.กลุ่มนี้ได้สมัครเข้าเรียนกับ กศน.ตามนโยบายเรียนฟรีของกระทรวง ศึกษาธิการทุกคน และตั้งเป้าในปีการศึกษา 2554 จะเปิดรับสมัคร อสม.เข้าเรียน 300,000 คนโดยกระทรวงสาธารณสุขได้อบรมครูประจำกลุ่ม อสม.1,750 คน ทำหน้าที่เป็นครูพี่เลี้ยงให้กับ อสม.
ทั้งนี้ในระหว่างเรียนก็ทำงานไปด้วย อสม.สามารถนำความรู้และประสบการณ์ด้านสุขภาพที่ปฏิบัติและอาชีพมาเทียบโอนรายวิชาได้ จะเริ่มเปิดรับสมัครเข้าเรียนภาคที่ 1 ในเดือน เม.ย.54 เป็นต้นไป โดยใช้เวลาเรียนเพียง 1-2 ปีก็จะสำเร็จการศึกษาในแต่ละช่วงชั้น นอกจากนี้ในปี 2554 นี้กระทรวงสาธารณสุขยังได้จัดโควตารับ อสม.และบุตรที่มีวุฒิตามหลักเกณฑ์สามารถเข้าเรียนใน 4 หลักสูตรของสถาบันในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ ได้แก่หลักสูตรพยาบาลศาสตร์ระดับปริญญาตรี 4 ปี และเรียนระดับอนุปริญญา 3 หลักสูตร ได้แก่ สาธารณสุขชุมชน ทันตาภิบาล และผู้ช่วยเภสัชกร รวม 380 คน ทั้งนี้ยังมีโควตาสำหรับ อสม.และบุตร อสม.ในระบบรับกลาง 150 โควต้า จึงขอเชิญชวนให้ อสม.และบุตรซึ่งมีคุณสมบัติตามที่กำหนดเข้าสมัครได้ระหว่างวันที่ 1-18 เม.ย.54 นี้
ดร.พรรณสิริ กล่าวต่อว่า อสม.ถือเป็นต้นทุนใหญ่ทางสังคมไทยที่มีศักยภาพในการขจัดปัญหาสาธารณสุขในหมู่บ้าน ชุมชน เนื่องจากเป็นผู้ที่มีความเข้าใจวิถีชีวิตของชาวบ้านในพื้นที่ดีที่ สุด มั่นใจว่าหากอสม.ได้รับการพัฒนาองค์ความรู้ มีวุฒิการศึกษาเพิ่มขึ้น จะเป็นแบบอย่างของคนในชุมชน และเป็นผู้จัดการแก้ไขปัญหาสุขภาพในหมู่บ้านที่ดูแลร่วมกับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล สนองนโยบายกระทรวงสาธารณสุขที่ต้องการลดโรค สร้างสุขภาพดี โดยเฉพาะโรคเรื้อรัง ได้แก่ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคมะเร็ง และประชาชนทุกพื้นที่มีระดับสติปัญญาดีได้อย่างแน่นอน .
ที่มาภาพ : http://www.lifepitlok.com/news.php?cat=3