ไฟไหม้ "ภูกระดึง" เสียหายกว่า 2,000 ไร่ ห่วงปะทุรอบใหม่
เจ้าหน้าที่ควบคุมไฟไหม้บนภูกระดึง แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของ จ.เลย เบื้องต้นพบเสียหาย 2,000 ไร่ เตรียมเร่งทำแนวกันไฟห่วงปะทุรอบใหม่ เหตุพื้นที่สูง น้ำไม่เพียงพอ โฆษกกรมอุทยานฯ คาดฝีมือคน อาจจะไม่อนุญาตนักท่องเที่ยวเข้าพื้นที่ขอความร่วมมืออย่าทิ้งก้นบุหรี่
เว็บไซต์ https://news.thaipbs.or.th/ รายงานว่า วันนี้ (17 ก.พ.2563) ความคืบหน้าไฟไหม้ป่าอุทยานแห่งชาติภูกระดึง จ.เลย แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง ซึ่งเบื้องต้นมีรายงานพื้นที่เสียหายมากกว่า 2,000 ไร่ จากเหตุการณ์ดังกล่าวในทวิตเตอร์ได้เกิดแฮชแท็ก #saveภูกระดึง เพื่อติดตามความคืบหน้าของสถานการณ์ ไฟไหม้ภูกระดึง พร้อมทั้งให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่เข้าดับไฟป่าในครั้งนี้ ขอให้ทุกคนปลอดภัย นอกจากนี้ อีกทั้งเฟซบุ๊กเพจภูกระดึง ยังโพสต์ภาพ และข้อความระบุว่า "Save ภูกระดึง" ขอส่งกำลังใจให้เจ้าหน้าที่
ไทยพีบีเอสออนไลน์ สัมภาษณ์ นายสมโภชน์ มณีรัตน์ โฆษกกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมเพลิงได้แล้ว มีการรายงานความเสียหายมากกว่า 2,000 ไร่ เนื่องจากสภาพความแห้งแล้ง ประกอบกับแหล่งน้ำบนภูกระดึงมีน้อย เจ้าหน้าที่ต้องใช้กำลังคนในการดับไฟป่า แต่ยังต้องเฝ้าระวังเชื้อที่อาจจะปะทุขึ้นมาอีก เพราะใบไม้ และกิ่งไม้และสภาพอากาศที่ร้อนแล้งอาจจะเป็นปัจจัยเกิดไฟป่าลุกลามได้ง่าย
โดยเจ้าหน้าที่จะมีการลงพื้นที่สำรวจความเสียหายอย่างละเอียด และหาสาเหตุเชิงลึก และคุมแนวกันไฟไม่ให้ปะทุรอบใหม่ ไม่ทั้งนี้ไม่อยากโทษหรือหาคนผิด แต่สันนิษฐานว่าขณะนี้น่าจะเกิดจากคน เพราะไม่มีปัจจัยทางธรรมชาติอื่นๆเช่น การเสียดสีกันของไม้ แต่ขอรอให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจพิสูจน์ก่อน
“บนภูกระดึงในช่วงโลว์ซีซันทำให้มีนักท่องเที่ยวน้อย และอาจจะกันคนไม่ให้ขึ้นภูกระดึงในระยะนี้เพราะต้องเคลียร์พื้นที่ และมีควันไฟ และสภาพพื้นที่ที่เสียหายทิ้งรอยไหม้สีดำ อาจจะไม่สะดวกกับการท่องเที่ยว”
นอกจากนี้นายสมโภชน์ กล่าวว่า สำหรับการวางมาตรการเชิงรุกเพื่อรับมือกับไฟป่า นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์ุพืช ได้กำชับและบูรณาการมาตรการป้องกันไฟป่าในพื้นที่เสียงอุทยานแห่งชาติทั่วประเทศ โดยเฉพาะภูท่องเที่ยวสำคัญในภาคภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่มีการทำแนวกันไฟ และชิงเผาไปก่อนแล้ว และเตรียมชุดไฟป่า รวมทั้งเข้าถึงชุมชนรอบพื้นที่ป่าเพื่อให้ช่วยกันสอดส่อง
ส่วนนักท่องเที่ยวขอความร่วมมือเรื่องการสูบบุหรี่ และการพกไฟแช็กเข้าไปในเขตอุทยาน ถึงแม้จะยังไม่ถึงขั้นต้องตรวจค้น และห้ามอย่างเด็ดขาด หรือต้องมีข้อห้ามเช่นเดียวกับเรื่องมาตรการอื่นๆ แต่อยากจะขอความร่วมมือว่าขอให้ร่วมมือกัน เพราะถ้ามีการทิ้งก้นบุหรี่ หรือแค่จุดไฟ มันมีโอกาสลุกลาม และดับยาก
ไทยพีบีเอสออนไลน์ ลงพื้นที่เมื่อวันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา พบว่าสภาพบนภูกระดึงค่อนข้างแห้งแล้ง อากาศร้อน และมีนักท่องเที่ยวขึ้นไปท่องเที่ยว แต่ไม่เยอะเท่ากับในช่วงฤดูหนาว
ขณะที่ชาวทวิตเตอร์ หลายคนพากันติดแฮชแท็ก #saveภูกระดึง โดยผู้ใช้ทวิตเตอร์ @jupeter87 ได้นำคลิปหลังไฟไหม้บนภูกระดึงเช้านี้ หลังจากควบคุมไฟป่าได้ #ภูกระดึง #saveภูกระดึง
ขณะที่ยังมีประเด็นถกเถียงในโลกออนไลน์ ซึ่งไม่เชื่อว่าไฟไหม้บนภูกระดึงจะมาจากการทิ้งก้นบุหรี่ โดยผู้ใช้เฟซบุ๊ก ร้านกาแฟชมพู่มะเหมี่ยว โพสต์ข้อความว่า 17/02/2020:08.30 น.ก็ยังมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับสาเหตุที่ไฟขึ้นมาด้านภูกระดึง เพราะมีคนให้ข้อมูลว่ามาจากก้นบุหรี่ ซึ่งมันเป็นข้อมูลที่ผิดนะครับ
ทุกๆเช้า ทั้งจนท.อุทยานฯ และ จนท.ไฟป่า จะขี่รถมอเตอร์ไซดฺ์ลาดตระเวนตามหน้าผารอบภูกระดึง พอสังเกตุเห็นจุดไหนมีควัน ก็จะแจ้งให้หน่วยที่อยู่ไกลที่สุดไปเฝ้าระวัง วันนั้น มีไฟจะขึ้นทางใกล้ๆ ผาเมษา จนท.ไฟป่าก็จัดชุดมาเฝ้าระวัง ไฟก็ไหม้ลามมาเรื่อยๆ จนท.ก็ชิงเผาขอบหน้าผา เพื่อกันไฟขึ้นมา แต่ไฟที่ไหม้อยู่ข้างล่างมันปลิวขึ้นมาข้ามแนวกันไฟไปตกแถวๆ บ.เอพริลเก่า แล้วไฟก็ลุกลามไปอย่างรวดเร็ว จนท.ก็ถอยไปตั้งรับทำแนวกันไฟที่พื้นที่ด้านในและชิงเผาจุดไฟกลับ ไม่ได้เกี่ยวกับก้นบุหรี่เลยนะครับ ** ไฟจุดนี้ จนท.ควบคุมได้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วครับ : ภาพ จาก จนท.ไฟป่า ภูกระดึง