'ปภ.'เตือน25จังหวัดรับมือ 'อากาศแปรปรวน'16-20ก.พ.
“ปภ.” เตือน 25 จังหวัด “เหนือ-อีสาน-ตะวันออก-ภาคใต้” รับมือสภาพอากาศแปรปรวน ช่วงวันที่ 16 - 20 ก.พ.
เว็บไซต์ www.dailynews.co.th รายงานว่า เมื่อวันที่ 15 ก.พ. นายมณฑล สุดประเสริฐ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสภาพอากาศและตรวจสอบสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า วันที่ 16 – 20 ก.พ. ประเทศไทยตอนบนจะมีอากาศเย็นถึงหนาวและลมแรง โดยจะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงในระยะแรก ส่วนวันที่ 17 – 20 ก.พ. 2563 ภาคใต้ตอนล่างจะมีฝนเพิ่มขึ้น อ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จ.นครศรีธรรมราชลงไป มีคลื่นสูง 2 – 3 เมตร กอปภ.ก. จึงได้ประสานจังหวัด ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัยเฝ้าระวัง และเตรียมพร้อมสถานการณ์ภัยในช่วงวันที่ 16 - 20 ก.พ.
แยกเป็นพื้นที่เฝ้าระวังอากาศหนาวและลมแรง ได้แก่ ภาคเหนือ 7 จังหวัด ประกอบด้วย แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน และตาก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ8 จังหวัด ประกอบด้วย เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร พื้นที่เฝ้าระวังฝนฟ้าคะนอง ได้แก่ ภาคตะวันออก 3 จังหวัด ประกอบด้วย ระยอง จันทบุรี และตราด ภาคใต้ 7 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส พื้นที่เฝ้าระวังคลื่นลมแรง ได้แก่ ภาคใต้ 4 จังหวัด ประกอบด้วย นครศรีธรรมราช สงขลา ปัตตานี และนราธิวาส
ทั้งนี้ กอปภ.กได้กำชับให้หน่วยปฏิบัติในพื้นที่จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน ระดับน้ำ และแนวโน้มสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมจัดชุดเคลื่อนที่เร็วเครื่องมืออุปกรณ์ให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีที่เกิดภัย รวมถึงแจ้งเตือนประชาชนติดตามพยากรณ์อากาศ และประกาศเตือนภัยอย่างใกล้ชิด รวมถึงปฏิบัติตามคำเตือนอย่างเคร่งครัด อีกทั้งตรวจสอบบ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้าให้อยู่ในสภาพมั่นคงแข็งแรง ห้ามหลบพายุบริเวณใต้ต้นไม้ ป้ายโฆษณา หรือสิ่งปลูกสร้างที่ไม่มั่นคงแข็งแรง เพราะอาจได้รับอันตรายจากการถูกล้มทับ ส่วนเกษตรกรให้จัดทำที่ค้ำยันต้นไม้หรือที่กำบัง เพื่อป้องกันพืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหาย
ตลอดจนประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้มงวดมาตรการ ความปลอดภัยทางทะเล จัดเตรียมเครื่องมือประจำเรือ และอุปกรณ์ช่วยชีวิตทางน้ำให้พร้อมใช้งาน อีกทั้งกำชับสถานประกอบการในพื้นที่ริมชายฝั่งทะเลแจ้งเตือน นักท่องเที่ยว ให้ระมัดระวังอันตรายจากคลื่นลมแรง นอกจากนี้ ขอให้ประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือดูแลรักษาสุขภาพในช่วงที่สภาพอากาศหนาวและเพิ่มความระมัดระวังอัคคีภัยจากการก่อไฟให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป.