ป่าไม้เตรียมแจ้งจับ ส.ส.ปารีณา เพิ่ม หลังพบฟาร์มไก่รุกป่าอีกกว่า 387 ไร่
พร้อมตรวจยึดพื้นที่ข้างเคียงอีกสองแปลง รวมอีกกว่า 278 ไร่ แต่ยังระบุเจ้าของไม่ได้ว่าเป็นใคร
เว็บไซต์ www.bangkokbiznews.com รายงานว่าคณะทำงานร่วมระหว่างกรมป่าไม้ ชุดพยัคฆ์ไพร บก.ปทส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมลงตรวจสอบพื้นที่ในระหว่างวันที่ 12-14 กุมภาพันธ์ หลังอธิบดีกรมป่าไม้ นายอรรถพล เจริญชันษาได้สั่งการ หลังจากมีการตีความจากกฤษฎีกาในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา ถึงข้อกฎหมายของพื้นที่บริเวณฟาร์มไก่ของ ส.ส. ปารีณา ไกรคุปต์ ซึ่งถูกระบุในเบื้องต้นว่าเป็นพื้นที่ปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) แต่กฤษฎีกาตีความตามข้อกฎหมายว่า ยังเป็นพื้นที่ป่าสงวนอยู่ เนื่องจากการส่งมอบพื้นที่ีระหว่างสองหน่วยงานยังไม่สร็จสมบูรณ์
หลังการร่วมตรวจสอบรังวัดพื้นที่และบริเวณฟาร์มไก่ “เขาสน”ทั้งหมด จากฐานการตรวจสอบของ ส.ป.ก ที่เคยบันทึกว่ามีพื้นที่ราว 682 ไร่ และนำข้อมูลมาดำเนินการจัดทำแผนที่และเอกสารสำคัญเพื่อประกอบบันทึกร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนเสร็จสิ้นในวันนี้ คณะเจ้าหน้าที่ได้สรุปการดำเนินคดีทั้งหมดจำนวน 3 คดี คือ
คดีที่ 1 พื้นที่ตรวจยึดราว 387 ไร่ เป็นบริเวณฟาร์มไก่เขาสน มีการใช้ประโยชน์พื้นที่ทำฟาร์มไก่ชัดเจน พื้นที่อยู่ในเขตรั้วลวดหนามทั้งหมดชัดเจน มีโรงเรือน อาคารในบริเวณนี้ โดยคดีนี้ คณะเจ้าหน้าที่จะร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ ส.ส.ปารีณา ผู้จดทะเบียนเป็นเจ้าของฟาร์มไก่ “เขาสน”ตามข้อมูลจากกรมปศุสัตว์ว่าเป็นผู้ครอบครอง ซึ่งนายชีวะภาพ ชีวะธรรม ผอ.สำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ จะเป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ
คดีที่ 2 เป็นพื้นที่ติดกันนอกรั้วใกล้เคียงต่อเนื่อง สภาพพื้นที่เป็นที่เลี้ยงสัตว์ และโรงเรือนเก่า มีความต่อเนื่องกับฟาร์มไก่เขาสน แต่ไม่มีประจักษ์พยาน และวัตถุพยานหลักฐานที่ชี้ชัดว่าเป็นของใคร เนื้อที่ราว 207 ไร่
คดีที่ 3 เป็นพื้นที่ติดต่อกัน สภาพเป็นแปลงปลูกป่ายูคาลิปตัส เนื้อที่อีกประมาณ 70ไร่
รวมเนื้อที่ตรวจยึดประมาณ 665 ไร่ ซึ่งนายชีวะภาพกล่าวว่า มีความต่างไปจากการรังวัดของ ส.ป.ก อยู่ประมาณ 17 ไร่
“รายละเอียดมันมาก พื้นที่ดังกล่าวเรายังไม่เคยเข้าไป ก็ต้องใช้เวลาเก็บข้อมูลให้ชัดเจนที่สุด (3 วัน) มีสิ่งก่อสร้างจำนวนมาก ถึง 58 รายการ อย่างตัวอาคารฟาร์มไก่
“...การร้องทุกข์กล่าวโทษครั้งนี้ ก็เป็นการยืนยันว่า ไม่ได้มาซูเอี๋ย หากพบการกระทำผิดก็ต้องดำเนินการ ซึ่งก็มีภาคเอกชนตามไปดูอยู่ทุกฝีก้าว” นายชีวะภาพกล่าว
นายชีวะภาพอธิบายว่า เหตุที่ต้องแบ่งเป็น 3 คดีในการตรวจยึดในคราวนี้เพราะมีการกระทำความผิดต่างกรรมต่างวาระกัน อาทิ ฟาร์มไก่ถูกสร้างมาตั้งแต่ปี 2543 แล้วค่อยขยาย
หลังจากทำเอกสารเสร็จ ทางคณะเจ้าหน้าที่เตรียมส่งให้กับพนักงานสอบสวนของ บก.ปทส. ภายในพรุ่งนี้, ส่วนจะมีการรวมสำนวนเข้ากับคดีของทางนายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายต่อต้านคอร์รับชั่นที่ได้แจ้งความไปก่อนหน้านั้น ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของพนักงานสอบสวน, นายชีวะภาพกล่าว
ก่อนหน้านี้ กรมป่าไม้ได้เคยลงตรวจสอบพื้นที่ใกล้เคียงและได้แจ้งความจับ ส.ส. ปารีณาไปแล้วราว 46 ไร่ ในช่วงต้นเดือนธันวาคม หลังพบมีการบุกรุกป่าสงวนชัดเจน ไม่ใช่ที่ทับซ้อนกับทาง ส.ป.ก ที่รอการตีความดังกล่าว รวมพื้นที่ที่กรมป่าไม้ดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษในทั้งสองครั้งประมาณ 711 ไร่
ที่ดินของ ส.ส. ปารีณาที่ตกอยู่ในการตรวจสอบของภาคประชาชนถูกระบุว่ามีอยู่ประมาณ 1,700 ไร่
ที่มาของคดี
คดีนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ขอให้ตรวจสอบที่ดินตามที่ปรากฏในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของ ส.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ จังหวัดราชบุรี เขต ๓ ที่ได้ยื่นแสดงรายการทรัพย์สินประเภทที่ดิน เอกสาร ภ.บ.ท. ๕ ลำดับที่ 19 – 76 จำนวน 58 แปลง เนื้อที่ 1,706 ไร่เศษ ในตำบลรางบัว อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี และตามที่ ส.ส.ปารีณาได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ซึ่งสรุปความได้ว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ป่าที่รัฐบาลอนุญาต (ป่าไม้อนุญาต) โดยเสียภาษีดอกหญ้าเป็นเวลามากว่า ๑๐ ปี
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ จึงมีคำสั่งปลายเดือน พ.ย. 2562 แต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบพื้นที่ป่าในท้องที่จังหวัดราชบุรี โดยในการตรวจสอบในเบื้องต้น ปรากฏข้อเท็จจริงว่า พื้นที่ที่มีการร้องเรียนอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในอำเภอจอมบึง อำเภอสวนผึ้ง และอำเภอบ้านคา จังหวัดราชบุรี ให้เป็น เขตปฏิรูปที่ดิน 2554 และอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี ตามกฎกระทรวง ปี 2527
คณะทำงานได้ร่วมกันตรวจสอบและพบว่าที่ดิน ราว 46 ไร่ อยู่นอกพื้นที่ ส.ป.ก. แต่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี และที่ป่า ปี 2484 จึงตรวจยึดและร้องทุกข์กล่าวโทษ ส.ส. ปารีณา ไปเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม
สำหรับพื้นที่ที่ยังทับซ้อนกับเขตปฏิรูปฯ ที่ถูกรายงานว่ามีประมาณ 682 ไร่ กรมป่าไม้จึงพิจารณาเห็นควรหารือคณะกรรมการกฤษฎีกา ก่อนจะดำเนินการทางใดทางหนึ่ง ก่อนที่จะมีการตีความในที่สุดโดยกฤษฎีกาว่า ยังเป็นป่าสงวนอยู่ (อ่านเพิ่มเติม: เปิด 6 ประเด็นถาม-ตอบข้อกฎหมาย, ฟาร์มไก่ ส.ส. ปารีณา รุกป่า หรือ สปก./ https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/866052) เกิดเป็นบรรทัดฐานใหม่ล่าสุดในการดำเนินการในพื้นที่ทับซ้อนระหว่างกรมป่าไม้กับ ส.ป.ก. ซึ่งมีรายงานว่ามีเป็นจำนวนมาก
ส.ป.ก ได้รับมอบพื้นที่จากกรมป่าไม้ในช่วง 20 กว่าปีที่ผ่านมาไม่ตำ่กว่า 30 ล้านไร่ และยังคงทยอยปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรที่ยากไร้ โดยยังมีข่าวการครอบครองพื้นที่โดยมิชอบโดยผู้มีอำนาจและอิทธิพลในวงการต่างๆ อยู่เป็นระยะ