รอลุ้น!หมอใช้ภูมิคุ้มกัน แท็กซี่หายป่วยโคโรนาให้2คนไข้
"แพทย์เชี่ยวชาญ"เผย ใช้ภูมิคุ้มกันคนขับแท็กซี่หายป่วยไวรัสโคโรนา ให้ผู้ป่วยอาการหนัก 2 รายแล้ว รอลุ้นผล 48 ชม. ชี้ดีกว่าให้ยา ส่วนวัคซีนป้องกันต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ไทยผลิตเองไม่ได้
เว็บไซต์ www.dailynews.co.th รายงานว่า เมื่อวันที่ 10 ก.พ. นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีคนขับแท็กซี่ที่หายป่วยจากเชื้อไวรัสโคโรนา แล้วเกิดภูมิคุ้มกัน โดยมีการมาบริจาคเลือดเพื่อนำภูมิคุ้มกันไปใช้ประโยชน์ในการรักษา ว่า จากโรคเก่าที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เมื่อคนที่หายแล้วจะมีภูมิคุ้มกันขึ้น แต่จะมีภูมิขึ้นชัดเจนนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 2 สัปดาห์หลังจากเริ่มป่วย แต่ถ้าดีที่สุดคือประมาณ 4 สัปดาห์หรือ 1 เดือน เพราะหากหลังจากนี้ภูมิคุ้มกันก็อาจจะค่อยๆ ลดลงไปอย่างช้าๆ โดยเอาเลือดมาแล้วสกัดเอาน้ำเหลืองที่มีภูมิคุ้มกันหรือแอนติบอดี ซึ่งถือว่าเป็นคอนเซ็ปต์ที่ดีกว่ายา เพราะภูมิคุ้มกันก็จะเข้าไปจับเชื้อโรคเลย โดยหลักเกณฑ์นี้ก็เอามาจากสมัยโรคซาร์ส ที่ใครป่วยแล้วรอดตายแล้วก็ขอเลือดมาใช้รักษา
“ในขณะที่โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ยังไม่มียา ภูมิคุ้มกันในคนที่หายแล้วก็เหมือนยา ยิ่งกว่ายา โดยเชื่อว่าขณะนี้จีนกำลังดำเนินการเรื่องนี้อยู่เช่นกัน ซึ่งมีจีนมีผู้ป่วยที่รักษาหายแล้วจำนวนมากเป็นพันคนก็สามารถเลือกได้ว่า จะเอาเลือดของคนไหนมาใช้ สำหรับประเทศไทยตอนนี้มีแค่คนขับแท็กซี่คนเดียว เพราะที่เหลือเป็นคนจีนกลับประเทศไปแล้ว ส่วนรายนครปฐมเป็นหญิงสูงอายุ ซึ่งไม่สามารถเข้าหลักเกณฑ์การบริจาคเลือดได้ เพราะเป็นผู้สูงอายุและมีโรคประจำตัวคือหัวใจด้วย จึงเหลือเพียงคนขับแท็กซี่ ที่เป็นคนหนุ่มอยู่ในช่วงอายุ 40 ปี และมีสุขภาพแข็งแรงพอ โดยเลือดที่ใช้ก็จะใช้ปริมาณเหมือนกับการบริจาคเลือดตามปกติทั่วไป ส่วนต่อไปหากมีคนหายเพิ่มก็อาจต้องขอนำมาภูมิคุ้มกันมาใช้ศึกษา” นพ.ทวีกล่าว
นพ.ทวีกล่าวอีกว่า ทั้งนี้ แม้ขณะนี้ประเทศไทยจะมีคนเดียวคือรายแท็กซี่ที่หาย แต่เราก็อยากลอง โดยขณะนี้ได้นำมาให้คนไข้หนัก 2 คนแล้ว โดยต้องรอผลใน 48 ชั่วโมง สำหรับการให้ก็คงเลือกให้ในคนไข้ที่มีอาการปานกลางถึงหนัก มากกว่าที่จะให้คนไข้ธรรมดา ก็เหมือนกรณีการให้ยาต้านไวรัสที่ให้ในรายที่อาการหนัก แต่หากมีอาการหนักมากก็จะไม่ให้ เพราะให้ไปแล้วหากอาการแย่ลงก็จะไปโทษว่ายาไม่ได้ผล ส่วนภูมิคุ้มกันนี้เอาไปทำวัคซีนเพื่อป้องกันไม่ได้ เพราะวัคซีนต้องทำจากเชื้อ ส่วนไทยยังพัฒนาเองไม่ได้ เพราะต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เพราะโคโรนาสายพันธุ์ใหม่มีความยากกว่า ซึ่งขณะนี้อยู่ในเฟสที่สาม คือ การวิจัยทดลองใช้อยู่ ซึ่งต้องใช้จำนวนคนมากและใช้เวลานาน ซึ่งหากสำเร็จก็จะเข้าสู่เฟสสี่ที่สามารถขึ้นทะเบียนและนำออกมาใช้ได้จริง.