ป่าไม้สรุปผลตรวจสอบที่ดิน พบ “พ่อปารีณา” รุกพื้นที่รัฐกว่าพันไร่
ผอ.ศูนย์ป่าไม้ราชบุรี เผยสรุปผลการตรวจสอบพื้นที่ของ นายทวี ไกรคุปต์ บิดา ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ บุกรุกพื้นที่รัฐกว่าพันไร่ เตรียมร้องทุกข์กล่าวโทษผู้ครอบครอง
เว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ https://mgronline.com รายงานข่าวว่า วันนี้ (7 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร เจ้าหน้าที่ปกครองท้องถิ่น ผู้ใหญ่บ้าน เข้าตรวจสอบที่ดินของนายทวี ไกรคุปต์ บิดาของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ บริเวณหมู่ 9 ต.ท่าเคย อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี เมื่อวานนี้ หลังจากที่นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอรัปชั่นได้แจ้งความตามคดีอาญาที่ 419/2562 ให้ดำเนินคดีต่อ นายทวี ไกรคุปต์ เพราะเชื่อว่ามีการบุกรุกครอบครองที่ดินของรัฐโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
ล่าสุด ได้ข้อสรุปผลจากการลงพื้นที่ตรวจสอบวัดพิกัดของเจ้าหน้าที่พบว่า ถูกบุกรุกถือครองทำประโยชน์ในที่ดินของรัฐออกเป็น 3 ประเภท จำนวน 7 แปลง ประกอบด้วย แปลงที่ 1 เป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี เนื้อที่ประมาณ 17 ไร่ 68 ตารางวา ลักษณะถือครองทำประโยชน์ทางสัญจร ถังเหล็กเก็บน้ำ แปลงที่ 2 เป็นพื้นที่ป่าไม้ถาวร เนื้อที่ 207 ไร่ 3 งาน 68 ตารางวา มีบ้านพัก ฟาร์มจระเข้ ทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ แปลงที่ 3 เป็นพื้นที่ป่าไม้ถาวรแปลงหมายเลข 85 เนื้อที่ 39 ไร่ 48 ตารางวา ลักษณะเป็นทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์
แปลงที่ 4 เป็นพื้นที่ป่าไม้ถาวร แปลงหมายเลขที่ 85 มีเนื้อที่ 126 ไร่ 3 งาน 64 ตารางวา ลักษณะเป็นทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ แปลงที่ 5 เป็นพื้นที่ป่าไม้ถาวรแปลงหมายเลขที่ 85 เนื้อที่ 1 ไร่ 2 งาน 84 ตารางวา ลักษณะเป็นทางสัญจร ถังเหล็กเก็บน้ำ ส่วนแปลงที่ 6 และแปลงที่ 7 เป็นพื้นที่เขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม จำนวน 646 ไร่ 2 งาน 8 ตารางวา รวมทั้งหมด 7 แปลง มีพื้นที่จำนวน 1,039 ไร่ 2 งาน 92 ตารางวา
นายพัฒนะ ศิริมัย ผู้อำนวยการศูนย์ป่าไม้ราชบุรี เปิดเผยผลการตรวจสอบพื้นที่ทั้งหมดว่า ในจำนวน 7 แปลง มีพื้นที่ที่กรมป่าไม้ดูแลรับผิดชอบอยู่จำนวน 375 ไร่เศษ ซึ่งคงต้องเก็บข้อมูลรายละเอียดส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะขนาดสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ที่ตรวจพบในพื้นที่ หลังจากนั้นจะให้ประกอบการร้องทุกข์กล่าวโทษในนามต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เร็วๆ นี้
หลังจากที่เมื่อวานได้มีการตรวจสอบพื้นที่โดยการนำชี้ของผู้ร้องทุกข์ มีการตรวจสอบพื้นที่ จำนวน 7 แปลง เป็นพื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 1 แปลง เป็นพื้นที่ในเขตป่าไม้ถาวรตามมติคณะรัฐมนตรี จำนวน 4 แปลง มีเนื้อที่ประมาณ 375 ไร่เศษ และตรวจพบว่ามีการครอบครองที่ดินในพื้นที่เขต ส.ป.ก. อีกจำนวน 2 แปลง โดยประมาณ 600 ไร่เศษ เนื่องจากเมื่อวานนี้ ทางเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่หลักไม่ได้มาร่วมตรวจสอบด้วย ทางพนักงานสอบสวนคงต้องประสานงานกับปฏิรูปที่ดิน เพื่อจัดทำรายละเอียดข้อมูลอีกครั้งหนึ่ง
ในส่วนพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติ และเขตป่าไม้ถาวร อยู่ในความรับผิดชอบของกรมป่าไม้โดยตรง จะเก็บข้อมูลเพื่อเตรียมร้องทุกข์กล่าวโทษต่อผู้ครอบครอง เป็นลักษณะคดีเดียวกันกับนายวีระ สมความคิด ที่ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษไว้แล้ว แต่นายวีระ ได้ร้องทุกข์ในภาพรวมพื้นที่ดินของรัฐทุกประเภท แต่ส่วนของป่าไม้จะร้องทุกข์กล่าวโทษเฉพาะส่วนที่รับผิดชอบ
หลังจากนั้นจะเป็นเรื่องของพนักงานสอบสวนจะเอาไปรวมคดีหรือดำเนินการตามกฎหมายต่อไปอย่างไร รวมพื้นที่ทั้งหมด 1,039 ไร่เศษ เป็นการบุกรุกครอบครองที่ดินของรัฐ ส่วนเรื่องบอกว่ามีการเสียภาษีนั้น ตนเองยังไม่เห็นเรื่องดังกล่าวว่ามีการเสียภาษีในนามของผู้ใด จากการได้พูดคุยกับ อบต. หน่วยงานที่รัฐเสียภาษีบอกว่าไม่สามารถยืนยันได้ว่าแปลงที่มาชำระภาษีมีตำแหน่งที่ตั้งอยู่บริเวณใด สำหรับเขตป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 17 ไร่ และเขตป่าไม้ถาวร จำนวน 375 ไร่เศษ
ส่วนข้อหาที่จะเตรียมแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษในเขตป่าสงวนแห่งชาติคือ “บุกรุกครอบครองทำประโยชน์ในที่ป่า” ส่วนของแปลงที่อยู่เขตป่าไม้ถาวรจำนวน 4 แปลง จะเป็นการแจ้งความตามมาตรา 54 ตาม “พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484”
สำหรับการตรวจสอบพื้นที่ของนายทวี ไกรคุปต์ นั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีหนังสือแจ้งไปแล้ว 2 ครั้ง เพื่อให้มานำชี้แนวเขต แต่นายทวี อาจจะไม่สะดวกที่จะมานำชี้ จึงได้ให้ฝ่ายปกครองท้องที่ หรือผู้ใหญ่บ้านนำชี้ มีความชัดเจนพอสมควร ซึ่งได้ทำไปตามหน้าที่ ตามข้อกฎหมาย ไม่ได้มีเจตนาที่จะไปกลั่นแกล้งใคร