'ธนาธร' ยิ้มร่า! 'อัยการ' สั่งสอบสำนวน 'คดีชุมนุมสกายวอล์ค' ใหม่
"อัยการ" สั่ง พนง.สอบสวนกลับไปทำสำนวนใหม่ "คดีชุมนุมสกายวอล์ค" ด้าน “ธนาธร” ลั่นไม่ถอยไม่ทน พร้อมสู้คดี - ยืนยันสิทธิเสรีภาพการชุมนุมของประชาชน ย้ำพิรุธคดีเงินกู้กระบวนการชอบธรรมหรือไม่
เว็บไซต์ www.siamrath.co.th รายงานว่า เมื่อวันที่ 7 ก.พ. 63 ที่สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวง 5 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พร้อมด้วยนายไพรัฏฐโชติก์ จันทรขจร อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต 5 จ.นครปฐม ทั้งคู่ในฐานะผู้ถูกกล่าวหาฝ่าฝืน พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ จากกรณีการจัดชุมนุมแฟลชม๊อบที่สกายวอล์คปทุมวันเมื่อช่วงเดือนธันวาคม 2562 ที่ผ่านมา เข้าพบพนักงานอัยการเพื่อฟังคำสั่งว่าจะส่งฟ้องต่อศาลหรือไม่ ตามที่พนักงานสอบสวนของ สน.ปทุมวันได้ยื่นสำนวนต่อพนักงานอัยการใน 4 ข้อหา โดยนายธนาธรเดินทางมาถึงในเวลาประมาณ 09.00น. พร้อมกับทีมทนายความ นำโดยนายกฤษฎางค์ นุตจรัส
นายธนาธร กล่าวว่า ตนยังคงยืนยันปฏิเสธข้อกล่าวหาและต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ เรายืนยันความบริสุทธิ์ใจของเรา และต้องการยืนยันว่าสิทธิเสรีภาพในการชุมนุมการแสดงออกทางการเมืองเป็นสิทธิอันชอบธรรมของพี่น้องประชาชน สุดท้ายแล้วไม่ว่าอัยการจะสั่งฟ้องหรือไม่ เราก็จะยังคงไม่ถอยไม่ทนกับอำนาจที่ไม่ยุติธรรมต่อไป
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการเตรียมตัวสำหรับคดีเงินกู้ที่อาจนำไปสู่การยุบพรรค นายธนาธรกล่าวว่า สำหรับคดียุบพรรคนี้ เรายืนยันว่ากระบวนการของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นไปโดยไม่ชอบธรรม หลายคนคงได้เห็นเอกสารหลุดของ กกต.แล้ว จะเห็นได้ว่าทั้งๆที่คณะกรรมการสืบสวนไต่สวนทั้งสองชุดมีความเห็นให้ยกคำร้องด้วยเหตุผล คือไม่มีกฎหมายกำหนดไว้ และพบว่าพรรคอื่นก็มีการกู้เงินกัน ทำไม กกต.ต้องไปตั้งคณะอนุกรรมการชุดที่สามขึ้นมา และยังมีการยัดข้อหาใหม่โดยไม่ได้แจ้งพวกเราทราบ คือข้อหาตามมาตรา 72 ที่จะนำไปสู่การยุบพรรค การตั้งข้อหาเพิ่มโดยไม่แจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบเป็นกระบวนการยุติธรรมปกติหรือไม่
นายธนาธรยังกล่าวต่อว่า พรรคอนาคตใหม่คือผู้คนและการเดินทาง ไม่มีทางใดที่กระบวนการยุบพรรคจะทำลายพรรคของเราได้ เรามั่นใจและเชื่อว่า ส.ส.และสมาชิกพรรคจำนวนมากจะไปด้วยกันกับเราต่อ ส่วนตนและนายปิยบุตรก็พร้อมที่จะทำงานการเมืองในบทบาทอื่นต่อไปถ้ามีการยุบพรรคเกิดขึ้นจริง
หลังจากนั้น ผู้สื่อข่าวได้ถามต่อ ว่าการอภิปรายนอกสภาหากมีการยุบพรรคเกิดขึ้นจะเป็นไปอย่างไร และจะมีการลงถนนหรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่าในช่วงที่ผ่านมาพรรคเรามีเนื้อหาสำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจตระเตรียมไว้หลายเรื่อง ตัวผู้อภิปรายหลายคนก็เป็นกรรมการบริหารพรรค ถ้ามีการยุบพรรคตัดสิทธิเกิดขึ้นจริง ก็คงต้องนำมาอภิปรายนอกสภาแทน ส่วนการอภิปรายนอกสภานี้จะนำไปสู่อะไรคงไม่สามารถคาดเดาได้ในวันนี้ แต่ยืนยันได้ว่า เนื้อหาทั้งหมดที่จะนำมาอภิปรายเรามีการเตรียมงานที่หนักแน่นเพื่อตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล นอกจากนี้ ตนยังขอชวนตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดต้องมีการนัดฟังคำวินิจฉัยก่อนหน้าวันอภิปรายไม่ไว้วางใจแค่ไม่กี่วัน ส่วนเรื่องการลงถนนนั้น ตนยังไม่ขอพูดถึงตอนนี้ แต่เราขอยืนยันว่าเราจำเป็นต้องรณรงค์ต่อสู้เรื่องร้องในทุกคนทางที่จะทำได้ เพื่อสะท้อนความเดือดร้อนโกรธแค้นของประชาชนที่มีต่อสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากนั้น นายธนาธรได้เข้าพบพนักงานอัยการ ซึ่งใช้เวลาไม่นานนัก ก่อนที่นายกฤษฎางค์จะนำนายธนาธรลงมาแจ้งให้ทราบถึงผลการพิจารณาของพนักงานอัยการ โดยระบุว่า พนักงานอัยการได้มีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนกลับไปทำการสอบสวนเพิ่มเติม ยังไม่สั่งฟ้องในวันนี้ เพราะพิจารณาแล้วเห็นว่าพยานหลักฐานในสำนวนยังไม่เพียงพอ และทางผู้ต้องหาก็คือเราได้ร้องขอความเป็นธรรมให้สอบสวนเพิ่มเติมไป โดยให้เลื่อนไปฟังคำสั่งอีกครั้งในวันที่ 17 มีนาคมเวลา 10.00 น.
นายกฤษฎางค์ กล่าวว่า สำหรับประเด็นที่เราต่อสู้ไปมีหลายประเด็น เช่น นายธนาธรและนายไพรัฏฐโชติก์ไม่ได้จัดการชุมนุม แต่เป็นเพียงการไปพบปะประชาชน จึงไม่มีความผิดต่อพ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ, ส่วนที่แจ้งข้อหาการชุมนุมอยู่ในระยะไม่เกิน 150 เมตรจากที่ประทับของพระบรมวงศานุวงศ์นั้น เราต่อสู้ไปว่า จุดที่นายธนาธรและนายไพรัฏฐโชติก์ยืนอยู่วันนั้น อยู่ห่างจากที่ประทับในระยะเกิน 150 เมตรแน่นอน และมีหลายคดีก่อนหน้านี้ที่ไม่มีความผิดมาแล้ว นอกจากนี้ เจ้าพนักงานที่ดูแลการชุมนุมในวันนั้นเองก็ไม่เคยมีคำสั่งให้เลิกการชุมนุม ซึ่งในสำนวนสอบสวนก็ไม่มีการระบุถึงเรื่องนี้ด้วย