แบงก์ชาติไทยได้รับรางวัลธนาคารกลางผลงานโดดเด่น ปี 63
แบงก์ชาติไทยได้รับรางวัลธนาคารกลางผลงานโดดเด่น ปี 63 ด้านริเริ่มโครงการที่สร้างประโยชน์แก่ประชาชน
นางจันทวรรณ สุจริตกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายสื่อสารและความสัมพันธ์องค์กร เปิดเผยว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้รับรางวัลธนาคารกลางที่มีผลงานโดดเด่น ประจำปี 2563 ด้านการริเริ่มผลักดันโครงการที่สร้างประโยชน์ต่อสังคมและประชาชน (Initiative of the Year Award)
รางวัลนี้ตัดสินโดย คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของวารสารการธนาคารกลาง หรือ Central Banking ที่ได้ดำเนินงานนานกว่า 3 ทศวรรษ
คณะกรรมการ ชื่นชมการดำเนินงานของ ธปท ที่มุ่งสร้างความมีส่วนร่วมกับผู้ที่เกี่ยวข้อง (Stakeholders Engagement) ใน 3 ด้าน คือ (1) การเปิดใจรับฟังผู้มีส่วนได้เสียอย่างจริงจัง (2) การสื่อสารแบบ 2 ทาง อย่างโปร่งใสและทันกาล และ (3) การร่วมมือกับภาคเอกชนในเรื่องที่ไม่เพียงจะดีต่อธุรกิจ แต่จะยังประโยชน์ให้เกิดขึ้นต่อสังคม
เรื่องนี้ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การขับเคลื่อนโครงการที่สร้างประโยชน์ต่อประชาชน อย่างน้อย 3 โครงการ ให้เกิดขึ้นได้อย่างราบรื่นในช่วงที่ผ่านมา
โครงการแรก คือ โครงการที่เกี่ยวกับธนบัตร ได้แก่ 1) การออกใช้ธนบัตรแบบ 17 และออกใช้ธนบัตรที่ระลึกด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้แห่งพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รวมถึงการให้ความรู้เรื่องการสังเกตธนบัตรปลอมแก่ประชาชน ผ่าน Application และ 2) การเปลี่ยนพื้นที่ของโรงพิมพ์ธนบัตรที่ครั้งหนึ่งเคยเป็น “พื้นที่หวงห้าม” มาเป็น “พื้นที่สาธารณะ” ในวาระครบรอบ 75 ปี ของ ธปท. เรียกว่าศูนย์การเรียนรู้ ธปท. ซึ่งเปิดกว้างให้ประชาชนทุกเพศทุกวัยสามารถเข้ามาใช้ประโยชน์จากกิจกรรมที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นห้องสมุดด้านเศรษฐกิจ พิพิธภัณฑ์เงินตรา หรือนิทรรศการศิลปะระดับโลก ซึ่งอาคารที่เปิดกว้างต่อสาธารณชนเช่นนี้ทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงธนาคารกลางได้มากขึ้น
โครงการต่อมาคือ พร้อมเพย์ (PromptPay) ระบบการชำระเงินรายย่อยที่มีค่าธรรมเนียมต่ำที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ยังผลให้ประชาชนรายย่อยสามารถโอนเงินได้ด้วยความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญต่อการขับเคลื่อนไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัล
โครงการที่สามคือ คลินิกแก้หนี้ ซึ่งริเริ่มขึ้นเพื่อช่วยแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่บั่นทอนศักยภาพทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ เพื่อแก้หนี้เสียบัตรเครดิตที่มีเจ้าหนี้หลายราย ซึ่งปกติการเจรจาประนอมหนี้ยากที่จะสำเร็จ ปัจจุบันมีสถาบันการเงินเข้าเป็นสมาชิกถึง 35 แห่ง ทำให้โครงการนี้เป็นศูนย์กลางการแก้ปัญหาหนี้ที่ครบวงจรเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ
ธปท. ขอขอบคุณประชาชนและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการผลักดันโครงการสำคัญและยังคงมุ่งมั่นที่จะสานต่อโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ในลักษณะที่เรียกว่า “ธุรกิจก็ชนะ สังคมก็วัฒนา” ต่อ