กลุ่มผู้ซื้อคอนโดฯ 'เดอะไลน์ฯ' ร้องมูลนิธิผู้บริโภคช่วยกรณีบริษัทฯผิดสัญญา
กลุ่มผู้ซื้อคอนโดมิเนียม เดอะไลน์ พหลโยธิน พาร์ค ซึ่งเป็นโครงการของบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอส ร้องเรียนต่อมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค หลังได้รับการติดต่อจากบริษัทฯ ขอเปลี่ยนแปลงวัสดุอุปกรณ์ในห้องให้มีเกรดลดลงจากเดิมโดยจะปรับราคาลงให้
เว็บไซต์ www.naewna.com รายงานว่าเมื่อวันที่ 5 กุ.พ. 2563 กลุ่มผู้ซื้อคอนโดมิเนียม เดอะไลน์ พหลโยธิน พาร์ค ซึ่งเป็นโครงการของบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอส ร้องเรียนต่อมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค หลังได้รับการติดต่อจากบริษัทฯ ขอเปลี่ยนแปลงวัสดุอุปกรณ์ในห้องให้มีเกรดลดลงจากเดิมโดยจะปรับราคาลงให้ แต่กลุ่มผู้เสียหายมองว่าการเปลี่ยนแปลงทำให้สภาพแวดล้อมและมูลค่าโดยรวมของทั้งโครงการเปลี่ยนแปลงไปจึงแจ้งขอคืนเงินและยกเลิกสัญญา แต่ยังไม่ได้รับการตอบกลับจากทางบริษัท
นายยศ เลิศภิญโญภาพ หนึ่งในผู้เสียหายจากการซื้อคอนโดมิเนียม เดอะไลน์ พหลโยธิน พาร์ค กล่าวว่า ก่อนหน้าเคยซื้อห้องชุดในอาคาร A ของโครงการดังกล่าว เมื่อเห็นทางบริษัทฯ เปิดขายห้องชุดในอาคาร B โดยโฆษณาว่ามีสภาพแวดล้อม และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ทันสมัยระดับ Hi-end จึงได้เข้าไปดูห้องตัวอย่าง และตกลงทำสัญญาซื้อห้องกับบริษัทฯ เป็นมูลค่าโดยรวมประมาณ 8 ล้านบาท มีการวางเงินจอง เงินค่าสัญญา และชำระเงินดาวน์ตามปกติเรื่อยมา กระทั่งปลายปี 2562 ได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่ของโครงการดังกล่าวว่ายอดขายไม่ได้ตามเป้าหมาย
ทางบริษัทฯ จึงมีทางเลือกให้กับลูกค้าสองแบบ คือ หนึ่ง ยืนยันตามเงื่อนไขเดิมในราคาเท่าเดิม หรือสอง เปลี่ยนแปลงวัสดุอุปกรณ์ในห้องให้มีเกรดลดลงจากเดิม และตัดอุปกรณ์บางรายการออก แต่จะปรับลดราคาห้องลงประมาณร้อยละ 25 ของราคาเดิม ซึ่งเมื่ออ่านและตรวจสอบเงื่อนไขของสัญญา กลับพบว่าราคาที่บริษัทฯ เสนอให้ลดลงจากราคาเดิมประมาณร้อยละ 10-15 เท่านั้น ทั้งนี้ กลุ่มผู้เสียหายจึงมองว่า การเปลี่ยนแปลงรายละเอียดสัญญาทำให้โครงการดังกล่าวไม่เป็นไปตามที่โฆษณาไว้ในตอนแรก จึงขอยกเลิกสัญญาและขอให้บริษัทฯ คืนเงินที่จ่ายไปทั้งหมด
"ผมตัดสินใจซื้อคอนโดนี้ เพราะถูกใจเรื่องคุณภาพของวัสดุ สิ่งอำนวยความสะดวก ระบบรักษาความปลอดภัย รวมถึงสภาพแวดล้อม เนื่องจากก่อนการทำสัญญาทางบริษัทเคลมว่า ทุกยูนิตในโครงการนี้จะใช้วัสดุอุปกรณ์ในคุณภาพที่เท่ากันทั้งหมด จึงมองว่าน่าจะเป็นโครงการที่ Hi-end สภาพแวดล้อม ผู้อยู่อาศัยก็น่าจะดี แต่การปรับลดสเปกทำให้สิ่งต่างๆ เหล่านี้เปลี่ยนไป ไม่เป็นไปตามความคาดหวังในตอนแรก รวมทั้งไม่เป็นไปตามที่โฆษณาไว้ ถือว่าบริษัทฯ ทำผิดสัญญา อยากเรียกร้องให้บริษัทฯ แสดงความรับผิดชอบโดยการเพิ่มทางเลือกที่ 3 ให้กับผู้ซื้อ คือ ทางบริษัทฯ จะคืนเงินเต็มจำนวนให้กับลูกค้าที่ต้องการยกเลิกสัญญาและรับเงินคืนโดยเร็วที่สุด" นายยศกล่าว
นายเฉลิมพงษ์ กลับดี หัวหน้าศูนย์ทนายความเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า กรณีการซื้อคอนโด ซึ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์ยังไม่ได้ดำเนินการสร้างหรือยังสร้างไม่เสร็จในวันที่เปิดจอง สิ่งที่ผู้บริโภคได้รับรู้จึงมีเพียงภาพจากโฆษณา และรายละเอียดรวมทั้งคำพรรณาที่ระบุในสัญญาเท่านั้น หากมีการเปลี่ยนแปลงจากสิ่งที่พรรณาจะถือว่าผิดสัญญา ผู้บริโภคมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ และผู้ประกอบธุรกิจจะต้องจ่ายเงินทั้งหมดพร้อมดอกเบี้ยคืนให้แก่ผู้บริโภค
นอกจากนี้ ยังมีค่าเสียหายอื่นๆ ที่ผู้ประกอบธุรกิจต้องรับผิดชอบ เช่น หากผู้เสียหายต้องไปซื้อคอนโดโครงการอื่นที่อยู่ในระดับเดียวกัน แต่ราคาแพงกว่าคอนโดที่ผู้ประกอบธุรกิจทำผิดสัญญา ผู้ประกอบการจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายนั้นด้วย
นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธารมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องสิทธิของผู้บริโภคตามกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคที่ มีสิทธิเลือกในการซื้อสินค้า และต้องได้รับความเป็นธรรม การที่บริษัทปรับเปลี่ยนเงื่อนไขสัญญาที่เป็นสาระสำคัญที่ลูกค้าตัดสินใจซื้ออาคารชุดกับโครงการ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่บริษัทฯ ผิดสัญญา ลูกค้ามีสิทธิที่จะยกเลิกสัญญาและบริษัทฯ ควรจะคืนเงินทั้งหมดให้กับลูกค้า
สำหรับผู้ที่ได้รับความเสียหายในลักษณะดังกล่าว สามารถร้องเรียนได้ที่ระบบออนไลน์ ของศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค หมายเลขโทรศัพท์ 02 248 3737 หรือร้องเรียนผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค www.facebook.com/fconsumerthai