'จุรินทร์' ชี้เป็นเรื่องมนุษยธรรม งดสั่งจำกัดการซื้อ-ส่งออกหน้ากากอนามัย
รมว.พาณิชย์ ย้ำสกัดส่งออก รวมถึงจำกัดปริมาณซื้อหน้ากากอนามัยไม่ได้ เหตุต้องคำนึงถึงเรื่องมนุษยธรรม ยันสต็อกที่มีใช้ได้ต่อเนื่องได้ถึง 4-5 เดือน ขอประชาชนอย่าแตกตื่น ด้านผู้ผลิต ยอมรับ วัตถุดิบเริ่มไม่เพียงพอ หลังอู่ฮั่นที่มีโรงงานผลิตวัตถุดิบหลักปิดหลัง ฟาก 'แม็คโคร' ให้ซื้อ 1 คนต่อ 1 กล่อง
เว็บไซต์ http://voicetv.co.th รายงานว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงานผลิตหน้ากากอนามัย ในพื้นที่จังหวัดนนทบุรีวันนี้ (30 ม.ค. 2563) ว่า จากการประเมินสถานการณ์เบื้องต้น ยังเชื่อมั่นว่ากำลังการผลิตรวมกันของทั้ง 10 โรงงาน และสต็อกที่มีอยู่ประมาณ 200 ล้านชิ้นจะเพียงพอต่อความต้องการใช้ในประเทศอย่างน้อย 4-5 เดือน
แม้ความต้องการจะเพิ่มเป็น 40-50 ล้านชิ้นต่อเดือน จาก 30 ล้านชิ้นต่อเดือน โดยทางกระทรวงพาณิชย์จะดูแลในเรื่องปริมาณสินค้าไม่ให้ขาดตลาด และจะดูในเรื่องราคาสินค้าไม่ให้โก่งราคาเพื่อความเป็นธรรม ซึ่งได้สั่งการให้พาณิชย์จังหวัดลงพื้นที่ตรวจตลาดหน้ากากอนามัยอย่างต่อเนื่อง ไม่ให้เกิดปัญหาขาดแคลนและโก่งราคา หากพบว่าผู้ประกอบการทำผิดให้รายงานมายังกระทรวงฯ ได้ทันที
รมว.พาณิชย์ ระบุว่า ขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นสกัดการส่งออก เนื่องจากมองว่าจะส่งผลกระทบต่อรายได้ของประเทศ ขณะเดียวกันเป็นเรื่องของมนุษยธรรม เนื่องจากในจีนยังมีความต้องการใช้หน้ากากอนามัยอย่างมาก นอกจากนี้ จะไม่มีการจำกัดจำนวนซื้อภายในประเทศด้วย แม้จะเกิดกระแสการกว้านซื้อจากนักท่องเที่ยว
ด้านนายชนินทร์ มธุรพร กรรมการผู้จัดการบริษัท ไทยฮอสพิทอล โปรดักส์ จำกัด เปิดเผยว่า กำลังการผลิตหน้ากากอนามัยของโรงงานปัจจุบันอยู่ที่ 10 ล้านชิ้นต่อเดือน โดยส่วนใหญ่ผลิตภายใต้แบรนด์ของลูกค้า ซึ่งในจำนวนนี้ส่งออกร้อยละ 80 และจัดจำหน่ายในประเทศร้อยละ 20 แต่จากความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นบริษัทจึงเตรียมเพิ่มกำลังการผลิตสำหรับใช้ในประเทศให้เป็น 3 ล้านชิ้น จากเดิม 2 ล้านชิ้นต่อเดือน
ทั้งนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับองค์กรที่จัดหาสินค้า หรือ ซัพพลายเออร์ เพื่อขอเพิ่มการนำเข้าวัตถุดิบ ซึ่งส่วนใหญ่นำเข้าจากจีนและไต้หวัน ขณะนี้ยอมรับว่า ความต้องการหน้าการอนามัยที่เพิ่มขึ้นทำให้วัตุดิบที่ใช้ในการผลิตลดลง และมีไม่เพียงพอ โดยเฉพาะสปันบอนด์ หรือ พลาสติกที่จะนำมาผลิตเป็นเส้นใยบนหน้ากากอนามัย เนื่องจากโรงงานหลักอยู่ในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ได้ปิดไปชั่วคราวหลังไวรัสโคโรนาระบาด
ขณะที่ นางศิริพร เดชสิงห์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาดและพัฒนาธุรกิจ Food Service บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ PM 2.5 ประกอบกับการระบาดของไวรัสโคโรนา ทำให้ยอดจำหน่ายหน้ากากอนามัยเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า ขณะเดียวกันยังพบว่าปริมาณสินค้าในบางสาขาเริ่มไม่มีจำหน่าย โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ทำให้แม็คโครจำเป็นต้องจำกัดปริมาณการซื้อ 1 คนต่อ 1 กล่อง หรือจำนวน 50 ชิ้น เนื่องจากมองว่าปริมาณ 50 ชิ้นน่าจะเพียงพอต่อความต้องการแล้ว และเพื่อป้องกันการกักตุนสินค้า เพราะหากไม่มีสินค้าจำหน่ายจะยิ่งที่ให้ประชาชนแตกตื่น