‘ราชทัณฑ์’ ไม่พบผู้ต้องขังจีนป่วย ‘โคโรน่า’ –เดินทางจาก ‘อู่ฮั่น’ มณฑลแพร่ระบาด
ราชทัณฑ์เปิดเรือนจำพิเศษกรุงเทพ โชว์ห้องคัดกรองโรค-นำรถโมบายเอ็กซเรย์พระราชทานตรวจโรคตั้งแต่ประตูคุก ป้องกัน 'ปอดอักเสบ' จากไวรัสโคโรน่าระบาด อบรมนักโทษ เป็นอส.รจ.เสริมหมอ-พยาบาลในเรือนจำดูแลนักโทษ 1:50
วันที่ 29 ม.ค. 2563 พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดโครงการอบรมอาสาสมัครสาธารณสุขเรือนจำ หรือ อส.รจ. รุ่นที่ 1 พร้อมนำสื่อมวลชนเข้าเยี่ยมชมระบบคัดกรองผู้ต้องขังด้วยรถโมบายพระราชทานในโครงการราชทัณฑ์ปันสุข ณ เรือนจำพิเศษกรุงเทพ
พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวว่า ขณะนี้มีกลุ่มผู้ต้องขังที่ได้รับการคัดเลือกเข้าอบรมเป็นอาสาสมัครสาธารณสุขเรือนจำรุ่นที่ 1 จำนวน 50 คนระหว่างวันที่ 29 ม.ค.-5 ก.พ.2563 ซึ่งกระจายอยู่ทุกเรือนจำทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยแพทย์และพยาบาล ที่มีอยู่ไม่มากนัก ซึ่งปัจจุบันเรือนจำทั่วประเทศ 143 แห่ง มีนักโทษ 380,000 คน ยอมรับว่าเรือนจำทุกแห่งมีความแออัด โดยโรคอันดับหนึ่งที่น่ากังวล คือ โรคทางเดินหายใจตอนบน ซึ่งเรือนจำมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคและการกระจายของโรคมากกว่าพื้นที่ภายนอก ดังนั้นจึงได้กำชับให้เรือนจำทุกแห่งให้ความสำคัญกับการป้องกันโรค โดยเฉพาะในช่วงที่มีโรคไวรัสปอดอักเสบโคโรน่า สายพันธุ์ใหม่ระบาด
สำหรับเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ซึ่งมีนักโทษประมาณ 4,000 คน อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ระบุว่า ได้นำรถโมบายเอกซเรย์ ที่ได้รับพระราชทานจากโครงการราชทัณฑ์ปันสุข ซึ่งเป็นรถเอกซเรย์เคลื่อนที่ มีศักยภาพพิเศษสามารถเชื่อมต่อกับระบบ AI (artificial intelligence) ในการวิเคราะห์ตรวจโรค เพื่อนำมาตรวจคัดกรองผู้ต้องขังเข้าใหม่และผู้ต้องขังกลุ่มเสี่ยงป่วยเป็นโรคระบบทางเดินหายใจจำนวน 200 คน
“ ขณะนี้มีผู้ต้องขังต่างชาติชาวจีน ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายของโรคไวรัสโคโรน่า จำนวน 314 คน โดยกระจายการคุมขังอยู่ในเรือนจำทั่วประเทศและมีผู้ต้องขังชาวจีนรับใหม่อีก 14 คนอยู่ในพื้นที่เรือนจำ 7 แห่ง ได้แก่ สมุทรปราการ ภูเก็ต นาทวี ปทุมธานี กระบี่ และหาดใหญ่ ซึ่งยังไม่ปรากฏอาการเจ็บป่วยหรือติดเชื้อราในประวัติผู้ต้องขัง ไม่พบว่าเป็นผู้ที่เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่นหรือมณฑลที่มีการแพร่ระบาดของโรค”อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าว
พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวด้วยว่า แม้ขณะนี้ยังไม่พบการแพร่ระบาดในเรือนจำ แต่กรมราชทัณฑ์ได้พยายามช่วยเหลือตัวเอง ด้วยการคัดกรองโรคด้วยการตรวจวัดไข้ตั้งแต่ห้องควบคุมใต้ถุนศาล 20 แห่ง เมื่อนำตัวมาถึงเรือนจำจะตรวจซ้ำเพื่อแยกโรค รวมทั้งมาตรการทำความสะอาดเรือนจำขั้นสูงสุด ทั้งในเรือนนอน โรงเลี้ยง และมาตรการเก็บรักษาอาหารดิบ เพราะหากมีนักโทษติดเชื้อเพียงรายเดียว อาจนำไปสู่การแพร่ระบาดที่สร้างความสูญเสียมหาศาล ส่วนการสร้างห้องกักกันโรคให้ครบทุกเรือนจำยอมรับว่าทำได้ยาก เนื่องจากเรือนจำมีปัญหาความแออัด คับแคบจนไม่สามารถแยกแดนเพื่อกักกันโรคเป็นการเฉพาะได้
ด้านนพ.วีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่าได้มีการคัดเลือกผู้ต้องขังชั้นดี จำนวน 50 คน ซึ่งมีคุณสมบัติผ่านเกณฑ์ มาฝึกอบรมวิชาชีพการพยาบาลเบื้องต้น จำนวน 5 วัน ตามหลักสูตรของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้ผู้ต้องขังสามารถดูแลช่วยเหลือเพื่อนผู้ต้องขังด้วยกัน ที่มีอาการเจ็บป่วยกระทันหัน โดยมีเป้าหมายให้สามารถใช้เครื่องกระตุกไฟฟ้าหัวใจได้ นอกจากนี้ ยังมุ่งหวังให้ผู้ต้องขัง มีความรู้เมื่อพ้นโทษ ในการให้ความช่วยเหลือคนอื่น และใช้เป็นอาชีพช่วยเหลือดูแลผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้ป่วยโรคเรื้อรังในอนาคต
“อส.รจ.รุ่นแรก เมื่ออบรมเสร็จ จะกระจายไปอยู่ตามเรือนจำต่าง ๆ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ประมาณ 7 แห่ง และจะมีการอบรมต่อเนื่อง เพื่อให้ได้จำนวนอาสาสมัครในอัตราส่วน 1 คน ต่อผู้ต้องขัง 50 คน ส่วนเรือนจำในต่างจังหวัด จะร่วมกับโรงพยาบาลประจำจังหวัด อบรมหลักสูตรนี้ ให้เพียงพอกับความต้องการต่อไป”นพ.วีระกิตต์ กล่าว
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/