'ซีพี' ร่วมมือ อบก. เซ็นข้อตกลงปลูกไม้ยืนต้น มุ่งปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ ในปี 73
เครือซีพีจับมือ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) ลงนามข้อตกลงร่วมมือการปลูกไม้ยืนต้น รณรงค์หน่วยงานในเครือฯ ปลูกทั่วประเทศ มุ่งเป็นองค์กรปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ ตามเจตจำนง อนุสัญญา UNFCCC ภายในปี 2573
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2563 ณ ห้องออดิทอเรียม อาคาร สำนักงานใหญ่บริษัท เจียไต๋ จำกัด องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. โดย นางประเสริฐสุข เพฑูรย์สิทธิชัย ผู้อํานวยการ อบก. และเครือเจริญโภคภัณฑ์ โดย นายนพปฎล เดชอุดม ประธานคณะผู้บริหาร ด้านความยั่งยืนองค์กร ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการปลูกไม้ยืนต้น เพื่อร่วมกันส่งเสริมและสนับสนุนปลูกต้นไม้ยืนต้นและกิจกรรมชดเชยคาร์บอน โดยเครือเจริญโภคภัณฑ์ได้ดําเนิน โครงการ ‘We Grow ปลูกเพื่อความยั่งยืน’ รณรงค์ให้ทุกกลุ่มธุรกิจในเครือฯ ร่วมกันปลูกต้นไม้ที่เป็นไม้ยืนต้นเพิ่ม พื้นที่สีเขียวและช่วยดูดซับก๊าซเรือนกระจก ขณะเดียวกันสนับสนุนให้ชุมชนร่วมปลูกป่าอย่างยั่งยืน โดยมีผู้บริหารจาก กลุ่มธุรกิจต่าง ๆ ในเครือร่วมในพิธี เพื่อแสดงพลังในการมุ่งสู่เป้าหมายการเป็นองค์กรที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ หรือ Carbon Neutral
นอกจากนี้ ยังมีการเสวนาเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในหัวข้อ “ทำไมต้องปลูก เพื่อโลกยั่งยืน” โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ได้แก่ นางประเสริฐสุข เพฑูรย์สิทธิชัย ผู้อำนวยการ อบก. ผศ.ดร.นิคม แหลมสัก คณบดี คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน ดร.ธนพงศ์ ดวงมณี วิศวกรอาวุโสด้านสิ่งแวดล้อม มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ และนางพัชรี คงตระกูลเทียน ประธานคณะทำงานโครงการปลูกไม้ยืนต้น เครือเจริญโภคภัณฑ์
ทั้งนี้ เครือซีพียังได้สนับสนุนงบประมาณแก่คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อใช้ในการศึกษาหลักเกณฑ์ ตัวชี้วัดการประเมินมูลค่าไม้ยืนต้น เพื่อส่งเสริมให้เกิดมาตรฐานการคำนวณมูลค่าของเนื้อไม้ให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศไทย
นางประเสริฐสุข เพฑูรย์สิทธิชัย ผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันปัญหาภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างอย่างมาก อันเนื่องมาจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่สูงขึ้น ทั้งนี้ประเทศไทยมีพันธะสัญญาในการลดก๊าซเรือนกระจกตาม เจตจำนงที่แสดงต่ออนุสัญญา UNFCCC ในการลดก๊าซเรือนกระจก (GHG) 20-25% ภายในปี 2573 และเพื่อให้สามารถบรรลุ เป้าหมายนี้ทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน ชุมชนต้องร่วมมือกัน และในความร่วมมือกับเครือเจริญโภคภัณฑ์หรือซีพีในครั้งนี้ มีความสำคัญเนื่องจากเครือซีพีเป็นกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ การขับเคลื่อนของเครือซีพี่จะเป็นตัวอย่างที่ดีที่จะผลักดันในภาคธุรกิจเอกชนสร้างความเปลี่ยนแปลงเพื่ออนาคตที่ดีกว่าและยังยืนของทุกคนบนโลกของเรา
นายนพปฏล เดชอุดม ประธานคณะผู้บริหารด้านความยั่งยืนองค์กร เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นวาระสำคัญของโลกที่ต้องอาศัยความร่วมมือกันของประชาคมโลก ซึ่งเครือซีพีในฐานะภาคธุรกิจเอกชนที่ให้ความสำคัญในการร่วมแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยมีการดำเนินมาตรการต่าง ๆ เพื่อนำไปสู่เป้าหมายในการขับเคลื่อนเครือฯ เป็นองค์กรที่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ (Carbon Neutral) ภายในปี 2573 ซึ่งหนึ่งในมาตรการสำคัญคือการประกาศขับเคลื่อนโครงการ ‘We Grow ปลูกเพื่อความยั่งยืน’ รณรงค์ให้มีการปลูกไม้ยืนต้นในหน่วยงาน และส่งเสริมสนับสนุนให้พันธมิตรและภาคีเครือข่ายชุมชนต่าง ๆ ร่วมกันปลูกเพื่อความยั่งยืน ทั้งนี้เป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับประเทศไทยและโลก โดยมีการจัดทำกลยุทธ์ที่สามารถนำไปใช้ได้กับกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ ในเครือที่อยู่ทั่วโลก และจะมีการแบ่งปันแนวทางการพัฒนารูปแบบการดำเนินโครงการ เพื่อกระตุ้นและผลักดันให้กลุ่มธุรกิจในเครือนำไปขยายผลซึ่งจะทำให้บริษัทในเครือเป็นองค์กร Carbon Neutral ได้สำเร็จตามที่กำหนดไว้ในเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
นอกจากนี้ เครือเจริญโภคภัณฑ์ยังได้นำแอพพลิเคชั่น We Grow ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่พัฒนาโดยกลุ่มทรู บริษัทในเครือฯ มาเป็นเครื่องมือสนับสนุนการสร้างความร่วมมือในการปลูกต้นไม้ในโครงการ We Grow ปลูกเพื่อความยั่งยืน ซึ่ง แอพพลิเคชั่นนี้จะช่วยให้สามารถบันทึกข้อมูลการปลูกต้นไม้ สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้เรื่องปลูกต้นไม้ และช่วยคำนวณปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ลดลงจากการปลูกต้นไม้
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/