หัวหินพบชาวจีนป่วยมีไข้สูง ลุ้นผลตรวจไวรัสโคโรนาวันนี้
หัวหินพบผู้ป่วยจีนมีไข้สูงจากเมืองอู่ฮั่น เข้ารับการรักษาตัวที่รพ.เอกชน ลุ้นรอผลการตรวจเชื้อไวรัสโคโรนาวันนี้ แพทย์แนะหลีกเลี่ยงการไปตลาดที่ขายซากสัตว์ป่า ควรล้างมือบ่อยๆกินอาหารปรุงสุก สวมหน้ากากอนามัย
เว็บไซต์ www.dailynews.co.th รายงานว่า วันที่ 25 ม.ค. มีรายงานว่า หลังจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ประจวบคีรีขันธ์ วางมาตรการเฝ้าระวังป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 โดยตั้งศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน เพื่อรวบรวมข้อมูล ติดตามประเมินสถานการณ์ทุกวัน ประสานการทำงานกับโรงพยาบาลของรัฐ 10 แห่ง โรงพยาบาลเอกชน 2 แห่ง ในพื้นที่ 8 อำเภอ เน้นการตรวจคัดกรองผู้ป่วยที่มีไข้เกิน 38 องศา มีอาการเจ็บคอ ไอ และน้ำมูกไหล
ล่าสุดแหล่งข่าวระดับสูงของจังหวัด ได้รับแจ้งว่าขณะนี้มีผู้ต้องสงสัยชาวจีน 1 รายเป็นเพศหญิงเดินทางมาจากแหล่งที่มีการระบาดที่เมืองอู่ฮั่นมณฑลหูเป่ย ประเทศจีน เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งที่ อ.หัวหินตั้งแต่ช่วงหัวค่ำวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยมีอาการไข้สูง 38.6 องศาเซลเซียส ไอ ขณะนี้ยังพักรักษาที่โรงพยาบาลเดิม แต่อาการเริ่มทุเลาตามลำดับ
สำหรับผลการตรวจในห้องปฏิบัติการว่า จะติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือไม่ คาดว่าจะทราบผลภายในวันนี้ และรัฐมนตรีหรือปลัดกระทรวงสาธารณสุขจะเป็นผู้แถลงข่าว สำหรับชาวจีนรายนี้เดินทางเข้ามาประเทศไทยเมื่อวันที่ 19 ม.ค. ที่ผ่านมา จากนั้นเดินทางไปท่องเที่ยวที่ อ.หัวหิน เมื่อมีอาการป่วยได้เดินทางไปพบแพทย์ด้วยตนเอง และพบว่าประวัติมีโรคความดันโลหิตสูงเป็นโรคประจำตัว
ด้านน.พ.สุริยะ คูหะรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด(สสจ.) ประจวบคีรีขันธ์เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้กำชับให้โรงพยาบาลทุกแห่ง เฝ้าระวังคัดกรองผู้ป่วยสงสัยอย่างเข้มข้นโดยเฉพาะพื้นที่ อ.หัวหิน และ อ.ปราณบุรี ที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ส่วนประชาชนทั่วไปขออย่าตื่นตระหนก แต่ให้ระมัดระวังการติดเชื้อระหว่างที่เดินทางไปต่างประเทศดูแลสุขภาพ
รวมทั้งหลีกเลี่ยงการไปตลาดที่ขายซากสัตว์ป่า หรือสัตว์ที่มีชีวิตหลีกเลี่ยงที่ที่มีผู้คนจำนวนมาก ไม่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีอาการไอ จามหรือมีน้ำมูก สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ กินอาหารปรุงสุกร้อนผู้ที่มีอาการไข้ร่วมกับอาการไอ จาม มีน้ำมูก เหนื่อยหอบและมีประวัติเดินทางไปยังเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ให้รีบไปโรงพยาบาล พร้อมแจ้งประวัติการเดินทางไปต่างประเทศให้แพทย์ทราบเพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาต่อไป.