"บังยี" ร้อง "กกท." โดนกีดกันชิงประมุขบอลไทย
เว็บไซต์ mgronline.com รายงานว่า เมื่อวันที่ 21 ม.ค. 2563 ณ ห้องประชุม ชั้น 3 โรงแรมโกลเดนทิวลิปฯ "บังยี" วรวีร์ มะกูดี อดีตนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ตั้งโต๊ะแถลงข่าวขอความเป็นธรรมถึงกรณีที่ตนถูกตัดสิทธิ์ไม่ให้ลงชิงตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ สมัยหน้า
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 17 มกราคมที่ผ่านมา สำนักเลขาธิการ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ส่งหนังสือแจ้งไปยังนายวรวีร์ มะกูดี ผู้ลงรับสมัครเลือกตั้งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ชี้แจ้งว่าคุณสมบัติไม่ผ่านตามข้อบังคับที่สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ กำหนด ทำให้ถูกตัดสิทธิ์ในการลงเลือกตั้งครั้งนี้ จากการที่เจ้าตัวเคยถูกฟ้องร้องโดยสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ และเคยโดนสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือฟีฟ่า ลงโทษแบน ซึ่งขัดต่อกฎระเบียบล่าสุดของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ที่ระบุเอาไว้อย่างชัดเจน
นายวรวีร์ มะกูดี กล่าวถึงประเด็นดังกล่าว ว่า เมื่อวันศุกร์ที่แล้วผมได้เดินทางไปยังสหพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย ที่ประเทศมาเลเซีย เพื่อยื่นหนังสือเกี่ยวกับเรื่องการทุจริตในสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ในปัจจุบัน ส่วนประเด็นหลักที่ผมจะมาแถลงข่าวในวันนี้ ผมได้ยื่นสมัครเป็นนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ หลังจากนั้นมีการตรวจสอบคุณสมบัติ ก็แปลกนะครับ ความจริงแล้วการเลือกตั้งจะต้องมีคณะกรรมการการเลือกตั้งที่เป็นกลางเหมือนกับการเลือกตั้งทั่วไป แต่ปัจจุบันนี้ไม่มี"
"คุณสมบัติของผมถูกตรวจสอบโดยสำนักเลขาธิการฯ ที่ถูกว่าจ้างโดยคณะบริหารของสมาคมฯ ชุดปัจจุบัน ปรากฎว่าเขาแจ้งผมมาว่าผมขาดคุณสมบัติ ข้อแรก ถูกสมาคมฟ้องฯ จะถึงที่สุดหรือไม่ก็ตาม เขาถือว่าขาดคุณสมบัติแล้ว ความจริงแล้วมันไปขัดต่อพ.ร.บ.กีฬา ซึ่งถ้าเราถูกคดีอะไรต่างๆ คดีต้องมีคำพิพากษาถึงที่สุดเสียก่อน ไม่ใช่ว่าคุณจะฟ้องใคร เมื่อฟ้องแล้วก็ตัดสิทธิ์เขาได้เลย ส่วนข้อที่สองเรื่องของการที่ผมถูกฟีฟ่าลงโทษ คือทางฟีฟ่าเวลาเขาจะสอบสวนใคร เขาก็จะให้หยุดในการไปร่วมกิจกรรมทางฟุตบอลต่างๆอยู่แล้ว ซึ่งบางคนไม่ทราบ ในเรื่องดังกล่าวนี้ผมก็ได้ยื่นเรื่องไปทางการกีฬาแห่งประเทศไทยให้เข้ามาตรวจสอบ โดยที่ผมเพิ่งไปเมื่อเช้าวันนี้และได้ยื่นเรื่องกับมือของดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการกีฬาฯ ด้วยตัวเอง"
"หลายคนหาว่าผมทุจริต หรือไปยักยอกเงินสมาคมฯ หรือเงินของฟีฟ่า จริงๆแล้วไม่ใช่เลย เรื่องที่ผมโดนคดีคือเรื่องที่ฟีฟ่าให้ผมแก้ธรรมนูญของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ให้เป็นไปตามธรรมนูญที่ได้มาตรฐานนานาชาติ ซึ่งผมก็แก้ให้เป็นไปตามแนวทางที่ฟีฟ่ากำหนด ผมเอาเข้าที่ประชุมใหญ่ เขาก็ให้ความเห็นชอบ สามารถที่จะดำเนินการได้แต่ต้องเป็นไปตามกฎหมายไทย สุดท้ายไปๆมาๆ มีผู้ทำเรื่องไปฟ้องฟีฟ่า หาว่าผมปลอมแปลงเอกสาร เขาจึงลงโทษผม คือเอาสั้นๆว่า ผมเคยถูกศาลชั้นต้นพิจารณาว่าผมมีความผิด ให้รอลงอาญา ผมก็อุทธรณ์ ผมชี้แจงกับฟีฟ่าว่ากระบวนการทางกฎหมายของประเทศไทยมี 3 ศาล คุณจะเร่งรัดมาตัดสิทธิ์ผมเลยคงไม่ได้ แต่ตอนนั้นฟีฟ่าเขาก็มีการเมืองภายในของเขา โดยสรุปคือศาลอุทธรณ์ผมก็ชนะ ผู้ที่ร้องผมก็ไม่กล้าไปที่ศาลฎีกา ตอนนี้คดีเป็นที่สิ้นสุดแล้ว ผมไม่มีอะไรด่างพล้อยในบ้านเรา แต่หลายๆคนไม่ทราบ"
"ในเมื่อคดีต่างๆที่ดำเนินการฟ้องร้องกับผมมันยังไม่ถึงที่สิ้นสุด หรืออยู่ระหว่างการไต่สวนใดๆก็ตามแต่ ก็ไม่ควรจะมาตัดสิทธิ์แต่อย่างใด ตรงนี้ผมถือว่าเป็นการกีดกันเพื่อไม่ให้ผมเข้าไปลงเลือกตั้งนายกสมาคมฯ ในครั้งนี้่"
"ขณะเดียวกันในสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ในยุคของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง มีคดีความกับบริษัทสยามสปอร์ต ซึ่งศาลได้ตัดสินออกมาแล้วว่า สมาคมฯ ต้องจ่ายเงินเป็นค่าเสียหายแต่บริษัทสยามสปอร์ 50 ล้านบาท จากการผิดสัญญาละเมิดลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอล จึงอาจถือได้ว่า พล.ต.อ.สมยศ ขาดคุณสมบัติเพราะทำให้สมาคมเสียหาย ไม่สามารถลงสมัครได้เหมือนกัน"
"นอกจากนี้สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ในยุคของพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ยังมีเรื่องที่น่าสงสัยอีกหลายอย่าง เช่น การทำสิทธิ์ประโยชน์แก่บริษัทเอกชนบริษัทหนึ่ง ที่มีการจ่ายเงินหรือแบ่งเงินกันอย่างไม่โปร่งใส ซึ่งทนายความของผมมีหลักฐานทั้งหมด สังเกตดูว่าช่วงหลังพอใกล้เลือกตั้ง สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ก็ไม่รู้ไปเอาเงินมาจากไหนมาจ่ายให้กับทีมในไทยลีก 3-4 ซึ่งหลายๆสโมสรก็เติบโตมาจากลีกภูมิภาคเดิมที่ผมเคยดูแล เหมือนเป็นการซื้อเสียงไปในตัว"
"ทั้งนี้ก็อยู่ที่การกีฬาแห่งประเทศไทย ที่ผมได้ยื่นเรื่องไป จะตรวจสอบหรือพิจารณาอย่างไร ถ้าเป็นไปได้ในเมื่อการเลือกตั้งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯครั้งนี้อาจจะดูไม่โปร่งใส ผมก็อยากจะให้มีการเลื่อนเลือกตั้งออกไป หรือถ้าหากการกีฬาแห่งประเทศไทย พิจารณาเรื่องนี้ได้อย่างรวดเร็ว ก็คงเป็นเรื่องที่ดี"
"ในส่วนของสโมสรสมาชิก ถ้าเกิดพวกเขาเห็นว่าในตอนนี้มันดีอยู่แล้ว อันนี้ก็เป็นสิทธิ์ของพวกเขาที่จะเลือกใคร สำหรับผมผมก็คงไปบังคับอะไรพวกเขาไม่ได้" บังยี กล่าวทิ้งท้าย