“คลัง”จ่อชงครม.เพิ่มทุนธ.ก.ส. เข็นแพคเกจหนุนเอกชนลงทุน
เว็บไซต์ www.thaipost.net รายงานว่า นายอุตตม สาวนายน รมว.การคลัง เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 21 ม.ค. นี้ กระทรวงการคลังจะเสนอแผนการเพิ่มทุนให้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อใช้การขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก ตามนโยบายของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการสนับสนุนให้เศรษฐกิจฐานรากมีความเข้มแข็งมากขึ้น โดยการปล่อยสินเชื่อให้กับเกษตรกร กลุ่มสหกรณ์ สมาร์ท ฟาร์มเมอร์ ทั้งภาคการเกษตรและท่องเที่ยวเพื่อการเกษตร เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงการพัฒนาฐานรากทั้งระบบอย่างเป็นองค์รวม
ทั้งนี้ การเพิ่มทุนดังกล่าวจะไม่ใช้เม็ดเงินงบประมาณ แต่จะใช้เงินจากกองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIF) เข้ามาดำเนินการ ส่วนจะเพิ่มทุนจำนวนเท่าใดนั้น จะต้องพิจารณาความเหมาะสมอีกครั้งก่อน
“รัฐบาลดูแล้วฐานรากมีศักยภาพ บางรายอาจจะอยากทำเกษตรควบคู่กับอาชีพอื่นที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร รัฐบาลก็พร้อมสนับสนุนด้านเงินทุนให้ เพื่อให้ฐานรากมีช่องทางในการหารายได้เอง โดยเชื่อมโยงกันทั้งการเกษตร ท่องเที่ยว และสินค้าชุมชนต่าง ๆ” นายอุตตม กล่าว
นอกจากนี้ นายอุตตม กล่าวอีกว่า ภายในไตรมาสที่ 1 ปีนี้กระทรวงการคลังจะเสนอแพคเกจส่งเสริมการลงทุน เพื่อจูงใจให้เกิดการลงทุนเพิ่มมากขึ้น เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศให้แข็งแกร่งควบคู่ไปกับการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก และการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งหากเป็นไปตามเป้าหมายจะมีเม็ดเงินลงทุนจากภาคเอกชนเพิ่มสูงขึ้นมากในปีนี้แน่นอน
“ปีนี้รัฐบาลส่งเสริมให้เป็นปีแห่งการลงทุน กระทรวงการคลังก็จะผลักดันให้เกิดขึ้น ซึ่งจะทำให้มีเม็ดเงินลงทุนเพิ่มขึ้นมากน้อยแค่ไหน ขอให้ผ่านครม.ก่อนถึงจะชี้แจงได้ ส่วนการกระตุ้นการบริโภคในประเทศเพิ่มเติมผ่านชิมช้อปใช้เฟส 4 นั้น ยังไม่ได้ข้อสรุปใด ๆ เพราะมองว่า 3 เฟสที่ผ่านมาก็สามารถกระตุ้นการบริโภคได้ดี เห็นได้จากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ในช่วงที่ผ่านมาดีขึ้น ฉะนั้นจะออกมาตรการอะไรตอนนี้ ต้องดูความเหมาะสมก่อน” นายอุตตม กล่าว
สำหรับกรณีสหรัฐฯ และจีนลงนามข้อตกลงการค้าในรอบแรกนั้น เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อบรรยากาศการค้าของโลกให้มีแนวโน้มดีขึ้น ซึ่งก็จะส่งผลดีต่อการส่งออกของไทยให้ดีขึ้นตามไปด้วย เพราะการดำเนินการของทั้ง 2 ประเทศ ทำให้ความตึงเครียดต่าง ๆ ลดลง ส่วนค่าเงินบาทที่แข็งค่า และทำให้ไทยไม่ได้รับอานิสงค์ดีจากบรรยากาศการค้าที่ดีขึ้นนั้น เชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะดูแลได้อย่างเหมาะสม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ธ.ก.ส.เห็นชอบกรอบการเพิ่มทุนให้กับธนาคาร วงเงิน 2 หมื่นล้านบาท ในระยะเวลา 5 ปี ตั้งแต่ปี 2563-2567 โดยปีแรกจะเพิ่มทุนก่อน 6 พันล้านบาท และจากนั้นจะทยอยเพิ่มทุนอย่างต่อเนื่องอีกเฉลี่ยปีละ 3-4 พันล้านบาท จนครบเป้าหมาย เพื่อให้ธนาคารมีทุนเพียงพอรองรับภารกิจการแก้ปัญหาความยากจน และช่วยเหลือเกษตรกรตามนโยบายของรัฐบาล ตลอดจนการปล่อยสินเชื่อให้กับวิสาหกิจชุมชน เอสเอ็มอีเกษตรที่จะมีเพิ่มขึ้นในอนาคต
อย่างไรก็ตาม การเพิ่มทุนครั้งนี้ จะทำให้ ธ.ก.ส. มีทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้นจาก 6 หมื่นล้านบาท เป็น 8 หมื่นล้านบาท โดยใช้เงินจากกองทุนสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐทั้งหมด ซึ่ง ช่วยให้ธนาคารมีทุนเพียงพอ รองรับการขยายภารกิจการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากในอนาคต