เมินเสียงยี้'เอ๋-สิระ'นั่งกมธ.ปราบโกง เปรยมาจากเลือกตั้ง
“ไพบูลย์ ”เมินกระแสโซเชียลฯต่อต้าน 2 ตัวจี๊ด “ปารีณา - สิระ”เป็นกมธ.ปราบโกง ชี้ทั้งคู่มาจากการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ ติง ‘เสรีพิศุทธ์’ ใช้ กมธ. ป.ป.ช. ไปเล่นการเมือง ไม่ฟังเสียงข้างมาก ต้องปลดจากประธาน กมธ.
เว็บไซต์ www.dailynews.co.th รายงานว่าเมื่อวันที่ 17 ม.ค. เวลา 10.00น. ที่รัฐสภา นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงเหตุความวุ่นวายในห้องประชุมกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.)สภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 16 ม.ค. โดยเห็นว่าพฤติกรรมของพล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวสในฐานะประธานกมธ.ป.ป.ช. มุ่งเล่นงาน น.ส. ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี และนายสิระ เจนจาคะ ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ อย่างเอาเป็นเอาตาย ในขณะที่เรื่องของตัวประธานเองถูกร้องเรียน
โดยเฉพาะเรื่องของการทุจริตต่างๆ กลับไม่ยอมบรรจุเรื่องดังกล่าวเป็นวาระการประชุม แต่พยายามป่วน ใช้อำนาจของประธาน กมธ. ซึ่งจะเห็นได้จากการที่ยุติการดำเนินการ กรณีน.ส.พรรณิการ์ วานิช ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ หลังถูกนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของกรรมการ ป.ป.ช. แต่ในกรณีของน.ส. ปารีณา กลับใช้กรรมาธิการตรวจสอบต่อทั้งที่เรื่องเข้าสู่ ป.ป.ช. แล้วเช่นกัน ถือว่าเป็นการนำกรรมาธิการไปเล่นการเมือง จึงทำให้เกิดความวุ่นวาย
สำหรับกรณีที่ น.ส.ปารีณาและนายสิระ ถูกตั้งข้อสังเกตว่า เมื่อได้รับมอบหมาย ภารกิจกลับไม่ปฏิบัติตามว่า ส่วนตัวยืนยันว่าน.ส.ปารีณา และนายสิระก็รับงานมาทำ พร้อมถามกลับ ถึงการที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ นำเรื่องที่ไม่สมควรมาพิจารณาในที่ประชุมกรรมาธิการ หลายเรื่องโดยไม่มีการบริหารจัดการใดๆ ทั้งสิ้น เป็นการไม่คำนึงถึงกรรมาธิการคนอื่นๆ เมื่อถามว่า หลังจากนี้จะทำงานด้วยกันในกรรมาธิการได้หรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวว่าพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ไม่ฟังมติเสียงข้างมาก จึงไม่มีทางเลือกอย่างอื่น ที่จะเสนอปลดพล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ ออกจากตำแหน่งประธานกมธ.ป.ป.ช.ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร
เมื่อถามถึง กรณีกระแสต่อต้านในโลกโซเชียลหลังราชกิจจาประกาศให้น.ส. ปวีณาและนายสิระ ดำรงตำแหน่งกรรมาธิการ ป.ป.ช. นายไพบูลย์ กล่าวว่า กรรมาธิการเมื่อเป็นแล้วก็จะถูกประกาศลงในราชกิจจา ยอมรับว่าทั้งสองคนมีทั้งผู้ที่ชื่นชอบและไม่ชื่นชอบ เช่นเดียวกับพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ที่มีทั้งผู้ที่ชื่นชอบและผู้ไม่ชอบ เมื่อมีกระแสเช่นนี้ ก็จะนำไปเรียกร้องต่อพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ได้เหมือนกันหรือไม่ ขณะนี้ก็มีเสียงต่อว่าพล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์มากมายแต่ทำไมไม่ไปดำเนินการ ดังนั้นจะต้องแยกให้ออก ว่าการประกาศบนราชกิจจานั้นเป็นไปตามกระบวนการ ทั้งนี้ความเห็นบนโลกโซเชียลก็ยินดีรับฟัง ย้ำว่าทุกคนนั้นก็ผ่านกระบวนการเลือกตั้งมา ไม่ได้เลือกมาจากโลกโซเชียล
เป็นฝ่ายใดก็ไม่รู้ ถ้าฟังโซเชียล ก็ไม่ต้องมีการเลือกตั้งก็ได้ ใช้โซเชียลเลยดีหรือไม่เพราะสังคมที่อยู่นั้นมีรัฐธรรมนูญ มีประชาชนที่เลือกโดยตรง ถ้าประชาชนที่ไม่ได้ใช้โซเชียลมีเดียจะไม่มีสิทธิ์มีเสียงเลยหรือ ทั้งนี้สิ่งที่เกิดขึ้นจำเป็นจะต้องมีการแก้ไขโดยใช้ข้อบังคับและกฎหมาย แต่ส่วนใดที่อยู่นอกเหนือจากอำนาจของสภาผู้แทนราษฎร ก็จะสามารถใช้กระบวนการยุติธรรม ได้ทุกฝ่าย ใครจะฟ้องร้องกันก็ได้ แต่อย่านำกรรมาธิการมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง เพราะจะทำให้สภาผู้แทนราษฎรเสียชื่อเสียง
“ผมไม่คาดหวังว่าพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์จะปรับเปลี่ยนท่าทีและพฤติกรรมในการทำงานเพราะได้เคยทักท้วงไปแล้วหลายครั้ง ที่ผ่านมาก็คุยกันด้วยเหตุผลตลอด แต่ก็เชื่อว่าพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ไม่รับฟัง จึงไม่รู้จะหาวิธีใด นอกจากใช้เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรมาใช้กับพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์” นายไพบูลย์กล่าว