สกัดรถควันดำวันแรก บก.จร.สุ่มตรวจรถบรรทุก 25 คัน เกินมาตรฐาน 12 คัน
กองบังคับการตำรวจจราจร ร่วมกับกรมควบคุมมลพิษ และเจ้าหน้าที่สิ่งแวดล้อมดอนเมือง สุ่มตรวจรถบรรทุก ย่านถนนวิภาวดีรังสิต (ขาออก) ใกล้สนามบินดอนเมือง จำนวน 25 คัน พบเกินค่ามาตรฐาน 12 คัน
เว็บไซต์ www.springnews.co.th รายงานว่า เมื่อวันที่ 16 ม.ค. 2563 ตำรวจจราจรขานรับนโยบายขานรับนโยบายรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งจุดตรวจวัดมลภาวะ 17 จุด ทั่วกรุงเทพฯ เพื่อสกัดรถควันดำ โดยที่จุดตรวจวัดมลภาวะบริเวณถนนวิภาวดีรังสิต (ขาออก) ใกล้กับสนามบินดอนเมือง
เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) ร่วมกับเจ้าหน้าที่จากกองตรวจมลพิษ กรมควบคุมมลพิษ และเจ้าหน้าที่สิ่งแวดล้อมสำนักงานเขตดอนเมือง มีการตั้งจุดตรวจวัดควันดำรถบรรทุกขนาดเล็กและใหญ่ โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ซึ่งได้มีการเรียกตรวจรถที่สุ่มเสี่ยงจะมีควันดำจำนวน 25 คัน พบว่ามีรถที่มีค่าควันดำเกินมาตรฐานจำนวน 12 คัน
นายธวัชชัย แก้วภักดี นักวิชาการสิ่งแวดล้อมชำนาญการ กองตรวจมลพิษ กรมควมคุมมลพิษ เปิดเผยว่า ทางเจ้าหน้าที่กรมควบคุมมลพิษ ได้ใช้อำนาจ ตามมาตรา 65 และ 66 ในการสั่งห้ามใช้รถชั่วคราวกับรถยนต์ ภายใต้ พรบ.รถยนต์ เช่น รถกระบะ หรือรถตู้ป้ายขาว ในการห้ามใช้ยานพาหนะ โดยจะให้ไปแก้ไขปรับปรุงภายใน 30 วัน เมื่อแก้ไขปรับปรุงเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะต้องไปแก้ไขคำสั่งตามจุดที่ได้มีการกำหนดไว้
โดยในพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีจุดที่กำหนดไว้ ได้แก่ กรมควบคุมมลพิษ สน.คู่ขนานลอยฟ้า หรือกองอำนวยการช่างกลทั้ง 5 แห่ง รวมถึงสำนักงานขนส่งทั่วกรุงเทพฯ สำนักงานขนส่งจังหวัด หรือสำนักงานขนส่งสาขา นอกจากนี้หากตรวจพบว่า เกิน 30 วัน แล้ว ยังไม่มีการแก้ไขปรับปรุงรถ หรือยังคงเพิกเฉยอยู่ ก็จะบังคับห้ามใช้รถเด็ดขาด ซึ่งจะมีโทษปรับตามมาตรา 102 มีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท ในกรณีที่มีการฝ่าฝืนคำสั่ง
สำหรับรถยนต์ทั่วไปหรือรถที่มีป้ายทะเบียนขาว ได้ใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 ในการออกคำสั่งห้ามใช้ยานพาหนะ ส่วนรถป้ายเหลืองเป็นอำนาจของกรมการขนส่งทางบก
ทั้งนี้ มีข้อแนะนำสำหรับการป้องกันรถ เพื่อไม่ให้มีควันดำเกินค่ามาตรฐานนั้น ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามกำหนดระยะเวลา เปลี่ยนกรองน้ำมันเครื่อง กรองอากาศ หากยังพบปัญหาอยู่ ควรจะเช็คระบบหัวฉีด ระบบจ่ายน้ำมันให้ได้สัดส่วนตรงกับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์นั้นๆ