ชัดๆ หนังสือ 'บิ๊กโจ๊ก' ชง 'จักรทิพย์' เลิกสัญญาไบโอเมตริกซ์ ส่งงานช้า-เชื่อมระบบเดิมไม่ได้
"... บริษัทฯ มีการส่งมอบงานในแต่ละงวดงานล่าช้ากว่ากำหนดเป็นระยะเวลานานมากทุกครั้ง และไม่ปรากฏว่ามีการขออนุมัติปรับแผนการดำเนินการใหม่แต่อย่างใด ในการทดสอบระบบที่ส่งมอบในงวดที่ 3 ก็เป็นเพียงการจำลองระบบเท่านั้น ขณะนี้ได้พ้นกำหนดงวดงานที่ 4 งวดงานที่ 5 แล้ว ทางบริษัทฯ ก็ยังไม่มีแนวโน้มจะส่งงาน..."
ยังเป็นประเด็นสำคัญที่ สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ติดตามตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกอย่างต่อเนื่องสำหรับโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจพิสูจน์บุคคลแบบลายพิมพ์นิ้วมือและภาพถ่ายใบหน้า หรือ ‘ไบโอเมตริกซ์’ วงเงินกว่า 2.1 พันล้านบาท ภายหลังจากที่ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ'บิ๊กโจ๊ก' ที่ปรึกษาพิเศษ สำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาเปิดเผยต่อสื่อมวลชน กรณีถูกคนร้ายลอบยิงรถยนต์ เมื่อคืนวันที่ 7 ม.ค. 2562 ที่ผ่านมา เชื่อว่าเกิดจากสมัยตนดำรงตำแหน่ง ผบช.สตม. และสั่งการให้มีการตรวจสอบโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจพิสูจน์บุคคลแบบลายพิมพ์นิ้วมือและภาพถ่ายใบหน้า (ไบโอเมตริกซ์) พร้อมกับมีหนังสือถึง ผบ.ตร. ขอให้ยกเลิกโครงการนี้ เนื่องจากเกิดความล่าช้าและส่งงานไม่ทัน
(อ่านประกอบ : เจาะปม 'บิ๊กโจ๊ก' แฉซื้อเครื่องไบโอเมตริกซ์ สตม 2.1 พันล. ป.ป.ช.ลุยสอบ-สะเทือน ผบ.ตร.?)
ขณะที่ สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบพบข้อมูลรายละเอียดงานจัดซื้อครุภัณฑ์โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจพิสูจน์บุคคลแบบลายพิมพ์นิ้วมือและภาพถ่ายใบหน้า หรือ ‘ไบโอเมตริกซ์’ วงเงินกว่า 2.1 พันล้านบาท พบว่า ในปีงบประมาณ 2560 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้ดำเนินการจัดซื้อครุภัณฑ์ในโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจพิสูจน์บุคคลโดยเทคโนโลยี Biometrics (ลายพิมพ์นิ้วมือและภาพถ่ายใบหน้า) ระยะที่ 1 (เลขที่โครงการเลขที่โครงการ 60076079396 สัญญาเลขที่ พธ. 37/2560) ระบุใช้วิธีพิเศษ ในการจัดซื้อจัดจ้าง กำหนดราคากลาง 2,126,073,600 บาท ทำสัญญาเมื่อวันที่ 11 ก.ค. 2560 สิ้นสุดสัญญาวันที่ 2 พ.ค. 2562 ผู้ขายคือ บริษัท เอ็มเอสซี สิทธิผล จำกัด เป็นจำนวนเงิน 2,116,000,000 บาท เท่ากับว่า วงเงินที่ตกลงตามสัญญา มีจำนวนต่ำกว่าราคากลาง 10,073,600 บาท หรือคิดเป็นประมาณ 0.47% ของราคากลาง
(อ่านประกอบ : พบแล้ว! ข้อมูลสัญญาไบโอเมตริกซ์ 2.1 พันล.! สตช.จัดซื้อวิธีพิเศษ ชนะต่ำกว่าราคากลาง 10 ล.)
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบบันทึกข้อความเลขที่ 0029.912/4132 ลงวันที่ 7 พ.ย. 2561 เรื่อง พิจารณาใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาหรือข้อตกลงโครงการเพิ่มประสิทธิภาพตรวจพิสูจน์บุคคลโดยเทคโนโลยี Biometrics (ลายพิมพ์นิ้วมือและภาพถ่ายใบหน้า) ระยะที่ 1 ของ พล.ต.ต. สุรเชษฐ์ ในช่วงรักษาราชการแทนผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ที่ทำถึง พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เพื่อเสนอให้พิจารณาใช้สิทธิบอกเลิกสัญญา Biometrics วงเงิน 2,116,000,000 บาท ดังกล่าว เนื่องจากมีเหตุอันเชื่อได้ว่าผู้ขาย (บริษัท เอ็มเอสซี สิทธิผล จำกัด) ไม่สามารถส่งมอบงานหรือทำงานให้แล้วเสร็จได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยการส่งมอบงานในแต่ละงวดงานล่าช้ากว่ากำหนดเป็นระยะเวลานานมากทุกครั้ง มานำเสนอให้สาธารณชนได้รับทราบ
โดยมีรายละเอียดสำคัญดังต่อไปนี้
โครงการดังกล่าวกำหนดส่งมอบงวดสุดท้ายภายในวันที่ 2 พ.ค. 2562 รวม 6 งวด แบ่งเป็น
งวดที่ 1 ส่งมอบภายใน 60 วัน (ครบกำหนด 9 ก.ย. 2560) ส่งมอบแผนการดำเนินงาน และบริหารทั้งโครงการ
งวดที่ 2 ส่งมอบภายใน 150 วัน (ครบกำหนด 8 ธ.ค. 2560) ส่งมอบอุปกรณ์และซอฟต์แวร์ ห้องศูนย์ข้อมูล (Data Center) ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
งวดที่ 3 ส่งมอบภายใน 210 วัน (ครบกำหนด 6 ก.พ. 2561) ส่งมอบอุปกรณ์และซอฟต์แวร์ พร้อมติดตั้งระบบงานและทดสอบระบบ ณ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง ตม.จว.เชียงราย
งวดที่ 4 ส่งมอบภายใน 300 วัน (ครบกำหนด 7 พ.ค. 2561) ส่งมอบอุปกรณ์และซอฟต์แวร์ พร้อมติดตั้งระบบงานและสดสอบระบบ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และ ท่าอากาศยานแห่งอื่น ๆ ที่เหลือ
งวดที่ 5 ส่งมอบภายใน 450 วัน (ครบกำหนด 4 ต.ค. 2561) ส่งมอบอุปกรณ์และซอฟต์แวร์ พร้อมติดตั้งระบบงานและทดสอบระบบ ณ หน่วยงานสืบสวนในภาพรวมของ ตร.
งวดที่ 6 ส่งมอบภายใน 660 วัน (ครบกำหนด 2 พ.ค. 2562) ส่งมอบอุปกรณ์และซอฟต์แวร์ พร้อมติดตั้งระบบงานและทดสอบระบบ ณ จุดตรวจ ด่านคนเข้าเมือง และหน่วยงานบริการตรวจคนเข้าเมืองส่วนกลาง
มีข้อพิจารณาดังนี้
1. จากข้อเท็จจริงหลังจากที่ สตม. ได้ติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับโปรแกรมสำหรับงานตรวจบุคคลเดินเข้า-ออก ซึ่งทางบริษัทฯ โดย ดร.วัชร แจ้งว่า โปรแกรมสำหรับงานตรวจบุคคลเดินเข้า-ออกเสร็จเรียบร้อยและผลทดสอบการรับ-ส่งข้อมูลระหว่างระบบ Biometrics และระบบ PIBICS มีความสมบูรณ์ถูกต้องแล้วนั้น ทางบริษัทฯ ก็ได้มีความพยายามที่จะเชื่อมต่อระบบ Biometrics เข้ากับระบบ PIBICS ที่ใช้อยู่เดิม แต่ยังไม่สามารถดำเนินการได้ แม้ว่าทางบริษัทฯ แจ้งว่า มีความจำเป็นต้อง Cloning PIBICS หรือจำลองระบบ จึงจะสามรถทำงานได้ก็ตาม
ทาง สตม. พิจารณาเห็นว่า ยังมีคนต่างด้าวบางกลุ่มที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นครั้งแรก โดยทางบริษัทฯ สามารถดำเนินการบันทึกข้อมูลและทดสอบระบบได้ทันที โดยไม่ต้องอาศัยฐานข้อมูลเดิม แต่ทางบริษัทฯ ก็ไม่มีการดำเนินการ ประกอบกับทางบริษัทได้มีหนังสือยืนยันว่า ระบบงาน Biometrics ยังติดขัดปัญหาของการเชื่อมต่อระหว่างระบบ Biometrics กับระบบสารสนเทศตรวจคนเข้าเมือง (PIBICS) ทำให้ยังไม่สามารถดำเนินการใช้งานได้ โดยจะเร่งดำเนินการทดสอบการเชื่อมต่อระบบแบบเต็มรูปแบบระหว่าง 2 ระบบโดยเร็ว
นอกจากนี้คณะกรรมการตรวจรับพัสดุฯ ยังได้รายงานผลการตรวจรับพัสดุในงวดที่ 3 ว่าได้ทำการทดสอบระบบแล้วปรากฏว่า สามารถเชื่อมโยงข้อมูลพื้นฐานที่ใช้งานจริงได้ โดยการติดตั้งระบบงานพร้อมทดสอบระบบแล้วปรากฏว่า สามารถเชื่อมโยงข้อมูลพื้นฐานที่ใช้งานจริงได้ โดยการติดตั้งระบบงานพร้อมทดสอบระบบสำหรับท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง สามารถใช้งานได้ตรงตามที่กำหนดไว้ในสัญญาฯ จึงไม่เป็นเหตุที่บริษัทฯ จะนำมากล่าวอ้างว่าต้องทดสอบบนระบบจำลองสารสนเทศตรวจคนเข้าเมืองอีก
กรณีนี้ จึงเห็นว่า ทางบริษัทฯ ไม่สามารถดำเนินการเชื่อมโยงระบบ Biometrics เข้ากับระบบ PIBICS ได้จริง
2. การส่งมอบตามข้อกำหนดสัญญาฯ งวดที่ 6 (งวดสุดท้าย) คงเหลือระยะเวลาประมาณ 6 เดือน เมื่อพิจารณาการส่งมอบงานของบริษัทฯ/ผู้ขายนับแต่งวดที่ 2 จนถึงงวดที่ 3 ที่คณะกรรมการตรวจรับพัสดุได้ทำการตรวจรับและรับมอบไว้ใช้ในราชการเมื่อวันที่ 28 ส.ค. 2561 มิได้เป็นการส่งมอบภายในข้อกำหนดแห่งสัญญาฯ และไม่เป็นไปตามแผนการดำเนินงานและบริหารทั้งโครงการฯ
โดยบริษัทฯ มีการส่งมอบงานในแต่ละงวดงานล่าช้ากว่ากำหนดเป็นระยะเวลานานมากทุกครั้ง และไม่ปรากฏว่ามีการขออนุมัติปรับแผนการดำเนินการใหม่แต่อย่างใด ในการทดสอบระบบที่ส่งมอบในงวดที่ 3 ก็เป็นเพียงการจำลองระบบเท่านั้น ขณะนี้ได้พ้นกำหนดงวดงานที่ 4 งวดงานที่ 5 แล้ว ทางบริษัทฯ ก็ยังไม่มีแนวโน้มจะส่งงาน
เมื่อพิจารณาในส่วนขอบเขตของงานโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจพิสูจน์บุคคลโดยเทคโนโลยี Biometrics (ลายพิมพ์นิ้วมือและภาพถ่ายใบหน้า) ที่ ผบ.ตร. อนุมัติลงวันที่ 26 เม.ย. 2560 และใช้ประกอบในการจัดซื้อ “ข้อ 10 การส่งมอบพัสดุ หัวข้อย่อย 10.1 ผู้ขายจะต้องศึกษารายละเอียดขั้นตอนและวิธีการปฏิบัติงานของระบบสารสนเทศตรวจคนเข้าเมือง (PIBICS) โดยสำนักงานจะเป็นผู้ดำเนินการจัดหาข้อมูลในการเชื่อมต่อระบบงาน และการจัดเตรียมโครงสร้างข้อมูล ชนิดข้อมูล รูปแบบข้อมูล (Interface , Configuration and Interface Circuit Diagram) เพื่อการรับและส่งเชื่อมต่อระบบงานสารสนเทศตรวจคนเข้าเมือง (PIBICS) , กองทะเบียนประวัติอาชญากร , กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ และที่จำเป็น เพื่อให้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างสมบูรณ์” ก็เป็นเรื่องที่บริษัทฯ ได้รับทราบมาตั้งแต่แรก ก่อนที่จะตัดสินใจยื่นข้อเสนอและเสนอราคาต่อทางราชการ
แม้ว่า บริษัทฯ จะแจ้งยืนยันกำหนดแล้วเสร็จและสามารถส่งมอบพัสดุทั้งหมดภายในกำหนดสัญญาก็ตาม แต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏตามรายละเอียดข้างต้น จึงเป็นเหตุให้น่าเชื่อว่า เมื่อครบสัญญาแล้วผู้ขายจะไม่สามารถส่งมอบพัสดุในงวดงานที่ 4-6 รวมทั้งการเชื่อมโยงระบบของโครงการฯ กับระบบสารสนเทศตรวจคนเข้าเมืองและระบบสารสนเทศอื่นได้ครบถ้วนถูกต้องตามสัญญา
กรณีนี้ เพื่อมิให้เกิดความเสียหายและเป็นการรักษาผลประโยชน์ของทางราชการ จึงเห็นสมควรพิจารณาใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาซื้อขายโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจพิสูจน์บุคคลโดยเทคโนโลยี Biometrics (ลายพิมพ์นิ้วมือและภาพถ่ายใบหน้า) ระยะที่ 1 วงเงิน 2,116,000,000 บาท ระหว่าง ตร. โดย สกบ. กับกิจการค้าร่วม เอ็มที เลขที่ พธ.37/2560 ลง 11 ก.ค. 2560 โดยมี บริษัท เอ็มเอสซี สิทธิผล จำกัด เป็นผู้แทนหลัก (ดูบันทึกข้อความประกอบ)
อ่านประกอบ :
พบแล้ว! ข้อมูลสัญญาไบโอเมตริกซ์ 2.1 พันล.! สตช.จัดซื้อวิธีพิเศษ ชนะต่ำกว่าราคากลาง 10 ล.
เผยโฉมประกาศซื้อคอมฯ ไบโอเมตริกซ์ สตช.1.7 พันล.-ชื่อ บ.เอ็มเอสซี หราสืบราคากลางด้วย
เจาะปม 'บิ๊กโจ๊ก' แฉซื้อเครื่องไบโอเมตริกซ์ สตม 2.1 พันล. ป.ป.ช.ลุยสอบ-สะเทือน ผบ.ตร.?
10 ม.ค.‘บิ๊กโจ๊ก’มาให้ข้อมูล ป.ป.ช.ปมไบโอเมตริกซ์ สตม. 2.1 พันล.-บี้สอบ ผบ.ตร. ด้วย
ป.ป.ช.ยังไม่เรียก‘บิ๊กโจ๊ก’ให้ข้อมูลโครงการไบโอแมทริกซ์ สตม. 2.1 พันล.-สอบคืบ 50%
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/