‘ยูเนสโก’ห่วงโบราณสถานถูกโจมตี จากเหตุรุนแรง‘มะกัน-อิหร่าน’
เว็บไซต์ www.naewna.com รายงานว่า 7 ม.ค. 2563 สำนักข่าวอัลจาซีราของกาตาร์ เสนอข่าว “US and Iran must protect cultural sites, says UNESCO” ระบุว่า “ยูเนสโก” องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) เรียกร้องให้ทั้งสหรัฐอเมริกาและอิหร่านช่วยกันรักษาโบราณสถานที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรม หลังจาก โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขู่ว่าจะโจมตีสถานที่สำคัญของอิหร่าน
โดยก่อนหน้านี้ทั้ง 2 ชาติ ต่างร่วมลงนามในอนุสัญญาปี 2497 และ 2515 สาระสำคัญคือรัฐภาคีต้องไม่ทำให้เกิดความเสียหายต่อมรดกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติในรัฐภาคีอื่นๆ โดย ออเดรย์ อาซูเลย์ (Audrey Azoulay) ผู้อำนวยการทั่วไปของยูเนสโก ย้ำว่า ความเป็นสากลของมรดกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติเป็นเครื่องนำพาความสงบสุขการและสนทนากันของผู้คน
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า หลังกองทัพสหรัฐฯ ส่งโดรนยิงจรวดสังหาร พล.ต.กาเซ็ม โซไลมานี (Qassem Soleimani) ผู้บังคับการกองกำลังคุดส์ที่เป็นหน่วยพิเศษในกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน เมื่อวันที่ 3 ม.ค. 2563 บริเวณใกล้สนามบินกรุงแบกแดด เมืองหลวงของอิรัก ทำให้เกิดสถานการณ์ตึงเครียดไปทั่วภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยฝ่ายอิหร่านประกาศจะแก้แค้นสหรัฐ ตามด้วย ปธน.ทรัมป์ ที่ออกมาตอบโต้ว่าสหรัฐฯ ก็พร้อมจะโจมตีเป้าหมายสำคัญของอิหร่านรวม 52 จุดเช่นกัน
และเป็นอีกครั้งที่ ปธน.ทรัมป์ ใช้ทวิตเตอร์โพสต์ข้อความที่จุดกระแสข้อกังวล โดยระบุว่า “พวกเขาได้รับอนุญาตให้ใช้ระเบิดกับคนของเรา แต่เราไม่สามารถแตะต้องสถานที่ทางวัฒนธรรมของพวกเขา มันไม่ดีเอาเสียเลย (They're allowed to use roadside bombs and blow up our people. And we're not allowed to touch their cultural site? It doesn't work that way,)” ด้าน โมฮัมหมัด จาวัด ซาริฟ (Mohammad Javad Zarif) รัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่าน กล่าวว่า หากสหรัฐฯ ทำเช่นนั้นก็จะกลายเป็นอาชญากรสงคราม
รายงานข่าวยังกล่าวอีกว่า ยูเนสโกได้รับการสนับสนุนโดยสหราชอาณาจักร ซึ่ง บอริส จอห์นสัน (Boris Johnson) นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่แสดงท่าทีอะไรเนื่องจากอยู่ในช่วงหยุดยาวเทศกาลคริสต์มาส ขณะที่ เจมส์ สแล็ค (James Slack) โฆษกประจำตัวนายกฯ จอห์นสัน กล่าวเมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2563 ย้ำจุดยืนของยูเนสโกเรื่องการปกป้องมรดกทางวัฒนธรรมจากการถูกทำลาย
ทั้งนี้ อิหร่านมีโบราณสถาน 22 แห่งและแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ 2 แห่งที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก นอกจากนั้นยังมีสถานที่สำคัญแม้ยังไมได้ขึ้นทะเบียน อาทิ Azadi Tower ในกรุงเตหะราน รวมถึงสุสานของ อยาโตลาห์ รูฮัลลาห์ โคมัยนี (Ayatollah Ruhollah Khomeini) อดีตผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดคือ Achaemenid เมืองหลวงของอาณาจักรเปอร์เซียโบราณ ซึ่งสถาปนาโดยพระเจ้าดาริอุสที่ 1 (Darius I) เมื่อ 518 ปีก่อนคริสตกาล ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้จองประเทศอิหร่านในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ ได้ถอนตัวจากยูเนสโกในปี 2562 ร่วมกับอิสราเอล โดยให้เหตุผลว่า ยูเนสโกมีอคติกับอิสราเอล เนื่องจากในปี 2554 ยูเนสโกเคยวิพากษ์วิจารณ์กรณีอิสราเอลบุกยึดพื้นที่ทางตะวันออกของเมืองเยรูซาเล็ม และให้สถานะสมาชิกกับปาเลสไตน์