รองโฆษก ตร.ชี้ปชช.เห็นแย้งใบสั่งได้ เตรียมสอบเหตุสวมทะเบียน
"โฆษก ตร." เตรียมสอบข้อเท็จจริง กรณีใบสั่งเชียงใหม่ ส่งตรงถึงชื่อผู้ครอบครอง ที่ชลบุรี ทั้งๆ ที่ขับรถไม่เป็น ชี้ขั้นตอนส่งใบสั่งตามฐานข้อมูลกรมขนส่งหากเห็นแย้งความผิดตามใบสั่ง แจ้งค้านต่อท้องที่เพื่อตรวจสอบ
เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ รายงานข่าวว่า พันตำรวจเอก กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(รองโฆษก ตร.) กล่าวถึงกรณีที่สื่อสังคมออนไลน์นำเสนอข่าว “โดนใบสั่ง ส่งถึงบ้าน 2 รอบ ทั้งๆ ที่ขับรถไม่เป็น และไม่ได้ไปเชียงใหม่” ว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้สั่งให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว โดยได้รับรายงานจาก สภ.เมืองชลบุรี ว่า เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2563 เวลาประมาณ 13.14 น. นางสาว สุวรี รัตน์ประดิษฐ์ ผู้เสียหาย เดินทางมาลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน กรณีที่ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นผู้ครอบครองรถกระบะ อีซูซุ สีเทา ทะเบียน ศข-2185 กทม. ถูกใบสั่งทางไปรษณีย์ จากเจ้าพนักงานจราจร สถานีตำรวจทางหลวง 4 กองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจทางหลวง
ในใบสั่ง ระบุว่า กระทำผิดกฎการจราจร บริเวณถนน ทล.11 กิโลเมตรที่ 556-557 ต.วัดเกตุ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ โดยขับรถฝ่าฝืนเครื่องหมายจราจร เครื่องหมายสัญญาณ หรือสัญญาณอย่างอื่นสำหรับการจราจรบนทางหลวง เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.62 พร้อมทั้งถ่ายภาพประกอบการทำผิดกฎจราจรมาให้ด้วย และสั่งเปรียบเทียบปรับเป็นเงิน 500 บาท วันครบกำหนดชำระวันที่ 19 ม.ค.63 ซึ่งตามวันเวลาดังกล่าวผู้เสียหายไม่ได้เดินทางไปจังหวัดเชียงใหม่แต่อย่างใด
เบื้องต้น พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองชลบุรี(สภ.เมืองชลบุรี) ได้รับคำร้องทุกข์ไว้ พร้อมแจ้งหน่วยงานที่ออกใบสั่งได้ทราบไว้แล้ว โดยผู้เสียหายได้เข้าให้การต่อพนักสอบสวน เมื่อวันที่ 3 มกราคม ที่ผ่านมา ซึ่งทางพนักงานสอบสวนได้ส่งเรื่องไปยังท้องที่ที่เกิดเหตุเพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดตามกฎหมายต่อไป
โดยหลักการ การส่งใบสั่ง จะส่งไปยังชื่อผู้ครอบครองทะเบียนรถ ตามฐานข้อมูลจากกรมการขนส่งทางบก ซึ่งจากเนื้อข่าวที่ปรากฎ พบว่ารถที่ถูกออกใบสั่งเป็นรถที่มีเลขทะเบียนเดียวกันกับผู้เสียหาย ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจมีการสวมทะเบียน ซึ่งก็คงจะมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป
ในส่วนขั้นตอนการปฏิบัติของประชาชนเมื่อได้รับใบสั่ง หากเจ้าของหรือผู้ครอบครองรถไม่ได้กระทำผิดตามข้อมูลในใบสั่ง หรือมีประเด็นสงสัยว่าอาจจะถูกสวมทะเบียนรถยนต์ ขอแนะนำให้ประชาชนที่ได้รับความเสียหาย เข้าแจ้งความกับตำรวจในท้องที่ที่เกิดเหตุ เพื่อให้สามารถดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานได้อย่างรวดเร็ว หรือหากไม่สะดวกก็สามารถร้องทุกข์ในพื้นที่ใกล้บ้านของท่านได้ จากนั้นพนักงานสอบสวนจะสอบปากคำรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง และดำเนินการจะส่งเรื่องไปยังท้องที่เกิดเหตุเพื่อให้พนักงานสอบผู้รับผิดชอบดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
ที่ผ่านมา การกระทำความผิดในลักษณะนี้ เคยดำเนินคดีกับผู้ที่นำทะเบียนรถผู้อื่นมาสวมทะเบียน ในข้อหา ปลอมแปลงเอกสาร หรือใช้เอกสารปลอม และใช้รถยนต์ไม่จดทะเบียน เป็นต้น
ทั้งนี้ ขอฝากเตือนไปยังผู้ที่กระทำการลักษณะดังกล่าว การทำหมายเลขทะเบียนรถขึ้นเองโดยไม่มีสิทธิใช้หมายเลขทะเบียนนั้น เจ้าของรถและผู้ที่ทำแผ่นป้ายนั้นขึ้นย่อมมีความผิดฐานปลอมเอกสารราชการ และใช้เอกสารราชการปลอม ซึ่งมีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 10,000 บาท ถึง 100,000 บาท ตามมาตรา 265 ประกอบมาตรา 268 แห่งประมวลกฎหมายอาญา และกรณีที่มีการนำหมายเลขทะเบียนที่ทางราชการออกให้ไปใช้กับรถคันอื่น ย่อมเป็นความผิดตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์
อีกทั้ง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กล่าวว่า การกระทำลักษณะดังกล่าวปรากฎอยู่บ่อยครั้ง โดยในหลายครั้งมีการกระทำเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อนำรถไปใช้ในการกระทำความผิดต่างๆ จึงฝากไปยังผู้บังคับบัญชา เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ให้ตรวจสอบข้อมูลให้ละเอียดทุกครั้งก่อนออกใบสั่ง เพื่อจะได้ไม่กระทบต่อสิทธิของประชาชนที่ไม่ได้กระทำผิด และให้เร่งรัดจับกุมผู้ที่กระทำผิดรายดังกล่าวมาให้ได้โดยเร็ว และให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป