ราคาน้ำมันพุ่งสูง หลังสหรัฐฯ สังหารนายพลอิหร่าน
ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังสหรัฐฯ สังหาร พล.ต.คาเซม โซเลมานี นายพลระดับสูงของอิหร่าน ด้านนักวิเคราะห์เศรษฐกิจกังวลว่า หากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-อิหร่านยังยืดเยื้ออาจส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันทั่วโลกและอาจทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว
เว็บไซต์ ไทยพีบีเอส รายงานว่า วันนี้ (4 ม.ค.2563) สำนักข่าวบีบีซี รายงานว่า ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว หลัง พล.ต.คาเซม โซเลมานี ผู้บัญชาการกองกำลังคุดส์ นายพลระดับสูงของอิหร่านถูกสังหารที่สนามบินแบกแดดในอิรัก นักวิเคราะห์เตือนว่าการกระทำในครั้งนี้ อาจเพิ่มความตึงเครียดในภูมิภาคและส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันทั่วโลก
ราคาน้ำมันดิบเบรนต์พุ่งขึ้นมากกว่าร้อยละ 3 ไปอยู่ที่ 69.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 2,095 บาท ต่อบาร์เรล ซึ่งถือว่าสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงส่งผลให้หุ้นน้ำมันในตลาดหุ้นลอนดอนสูงขึ้น หุ้นของบริษัท บีพี บวกเพิ่มร้อยละ 2.7 และรอยัล ดัตช์ เชลล์ สูงกว่าร้อยละ 1.9 แต่หุ้นในบริษัทน้ำมันรายใหญ่ของสหรัฐฯ อย่างเอ็กซอนโมบิลกลับปรับตัวลดลง
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางการตกต่ำของตลาดสหรัฐฯ จากข้อมูลการผลิตที่ลดลงและความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ดัชนีดาวโจนส์และดัชนีแนสแด็กปิดตัวลงประมาณร้อยละ 0.8 ในขณะที่เอสแอนด์พี 500 ลดลงร้อยละ 0.7 ซึ่งตลาดหุ้นร่วงหนักเกิดขึ้นเพียงวันเดียวหลังจากหุ้นสหรัฐฯ ทำสถิติพุ่งนิวไฮรับปีใหม่เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่านเพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ปี 2561 เมื่อสหรัฐฯ ถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์ซึ่งหมายถึงการระงับโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านและป้องกันไม่ให้อิหร่านพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ อีกทั้งสหรัฐฯ ยังได้ทำการคว่ำบาตรอิหร่านอีกครั้งซึ่งเป็นการกระทำที่ทำลายเศรษฐกิจของประเทศและจำกัดการส่งออกน้ำมันอย่างรุนแรง
แอดนัน มาซารี สมาชิกอาวุโสของสถาบันปีเตอร์สันเพื่อเศรษฐกิจระหว่างประเทศ และรองผู้อำนวยการอดีตกองทุนตะวันออกกลาง กล่าวว่า การปรับตัวสูงขึ้นของราคาน้ำมันนั้นค่อนข้างไม่แน่นอน นักลงทุนยังคงกังวลต่อปฏิกิริยาในการตอบโต้สหรัฐฯ ของอิหร่าน หลังเกิดเหตุการณ์สังหารนายพลระดับสูงในครั้งนี้
“มันไม่น่าเป็นไปได้ที่ปัญหานี้จะจบลง ผมคาดว่าสถานการณ์จะดำเนินต่อไปด้วยความตึงเครียดและหากเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ราคาน้ำมันจะสูงขึ้นต่อเนื่อง ”
สำหรับตะวันออกกลางเป็นที่ตั้งของผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลกหลายแห่ง รวมถึงอิรัก อีกทั้งยังเป็นช่องทางขนส่งเสบียงของโลกถึงหนึ่งในห้าที่ต้องผ่านช่องแคบฮอร์มุซเพื่อเข้าถึงอ่าวเปอร์เซีย
นายมาซารี กล่าวว่า เศรษฐกิจของประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค เช่น เลบานอนก็มีความเสี่ยงเช่นกัน โดยนักลงทุนและธุรกิจในประเทศและต่างประเทศมีแนวโน้มที่จะลดกิจกรรมการลงทุนท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับอิหร่าน
“เหตุการณ์นี้จะสร้างปัญหาที่สำคัญสำหรับภูมิภาคในแง่ของประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจ เราอาจต้องเริ่มคำนึงถึงความกดดันและความยากลำบากทางสังคม”
แม้ว่าความตึงเครียดจะลดลงแต่นักวิเคราะห์เศรษฐศาสตจากแคปิตอลร์ คาดว่า ราคาน้ำมันจะปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องในปีนี้เนื่องจากผลผลิตน้ำมันในสหรัฐฯ ลดการเติบโตลง ขณะเดียวกันการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกก็ชะลอตัวเช่นกัน