'สมศักดิ์' ตั้งเป้าปี 63 ปลดล็อกกระท่อมปลูกเป็นอาชีพ
เว็บไซต์ www.dailynews.co.th รายงานว่า เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงภาพรวมการทำงานในปี 2562 ว่า ตนว่างเว้นจากการเมืองไปประมาณ 10 ปี ในระหว่างนั้นมีความคิดมากมาย ดังนั้น เมื่อกลับเข้ามารับตำแหน่งจึงอยากเร่งทำงานให้พี่น้องประชาชน โดยหลังอยู่ในตำแหน่งมาประมาณ 5 เดือน แม้จะมีผลงานและนโยบายออกมาหลายเรื่อง แต่ยังไม่ค่อยพอใจการทำงานเท่าไรนัก เพราะว่ายังไม่มีรูปธรรมต่างๆ ให้ประชาชนได้เห็น ขณะนี้ยังเป็นเพียงนามธรรมเท่านั้น ดังนั้นในปี 2563 ตนจึงอยากทำนโยบายต่างๆ ให้สัมฤทธิ์ผล ไม่ว่าจะเป็นการปลดล็อกใบกระท่อม ซึ่งล่าสุดกระทรวงยุติธรรมได้ลงนาม MOU ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขในการศึกษาข้อมูลและแนวทางการใช้ประโยชน์ รวมถึงการผลักดันการตั้งกรรมาธิการศึกษาในสภาด้วยโดยเป้าหมายคืออยากปลดล็อกให้ประชาชนสามารถปลูกเพื่อทำเป็นอาชีพได้ รวมถึงการใช้ในทางการแพทย์ เพราะกระท่อมมีฤทธิ์ทางยาที่เป็นประโยชน์มาก
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า อีกเรื่องคือ การพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ต้องขังในเรือนจำ เราอยากสร้างอาชีพให้พวกเขา เพราะเมื่อพ้นโทษออกมาแล้วจะได้มีอาชีพ ไม่กลับไปก่ออาชญากรรมอีก ส่วนเรื่องปัญหาความแออัดในคุก ตนจะให้นักโทษสร้างเตียงนอนอีกชั้นหนึ่ง เพื่อลดความแออัดในเรือนจำ ซึ่งไม่ต้องก่อสร้างเรือนจำเพิ่มให้เปลืองงบประมาณ วันนี้เรามีเรือนจำทั่วประเทศ 134 แห่ง ถือว่ามากพอแล้วหากเราสร้างเตียงนอน 2 ชั้นได้จะเพิ่มที่นอนได้อีกเกือบ 1 แสนคน โดยใช้เงินเพียง 200 ล้านบาทเท่านั้น และผู้เสพยาเสพติดไม่ควรที่จะติดคุก แต่ควรนำไปบำบัด เพราะเขาคือผู้ป่วย แตกต่างจากผู้ค้าและผู้ผลิตที่เราต้องจับติดคุกและควรมีโทษที่หนัก นอกจากนี้เรื่องอาหารในเรือนจำ ต้องมีคุณภาพ เพราะเมื่อรัฐเสียเงินแล้วอย่าให้เขาเสียสิทธิ ซึ่งตนจะให้ทางมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่เชี่ยวชาญเข้าไปช่วยตรวจสอบ
"กระทรวงยุติธรรม ถูกถามเข้ามามากในเรื่องของฆาตกรโรคจิต หรือ Sex offender (ผู้กระทำผิดทางเพศ) โดยทางกระทรวงมีมาตรการเร่งด่วนในการดำเนินการควบคุมติดตาม ซึ่งจะมีการตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจ ประกอบด้วย กรมคุมประพฤติ กรมราชทัณฑ์ ดีเอสไอ และจะขอความร่วมมือไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติแจ้งเบาะแสคนที่มีปัญหาทั้งผู้ที่ยังถูกหมายจับ หรือ ถูกตามตัวอยู่ รวมถึงผู้ที่กำลังจะถูกปล่อยตัว จะรวบรวมรายชื่อทั้งหมดส่งให้สถานีตำรวจ เพื่อให้ประชาชนทราบผ่านทางสถานีตำรวจต่างๆ ขณะที่กรมคุมประพฤติ กรมราชทัณฑ์ ดีเอสไอ จะร่วมเป็นคณะทำงาน เพื่อติดตามรายละเอียดต่างๆ ในระยะเร่งด่วน ก่อนที่จะมีกฎหมายสมบูรณ์แบบมาบังคับใช้ และจะเห็นเป็นรูปธรรมในช่วงปี 2563 โดย" นายสมศักดิ์ กล่าว