'ธปท.-แบงก์' เร่งกันระบบล่มสิ้นปี
"สมาคมธนาคารไทย" จับมือ "ไอทีเอ็มเอ็กซ์" เกาะติดสถานการณ์ดิจิทัลแบงกิ้ง ป้องกันระบบล่มช่วงสิ้นปี สั่ง "ฝ่ายไอที" แต่ละแบงก์เฝ้าระวังแบบเรียลไทม์ ตลอด 24 ชั่วโมง ด้าน "ธปท." เรียกประชุมเตรียมพร้อมก่อนสิ้นปี เชื่อแบงก์รองรับช่วงพีคได้2เท่า
เว็บไซต์ กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ รายงานว่า เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 2562 นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด(มหาชน)(KBANK) ในฐานะประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า สมาคมธนาคารไทยให้ความสำคัญค่อนข้างมาก ในการเตรียมพร้อมระบบ เพื่อรองรับการทำธุรกรรมบนช่องทางดิจิทัลแบงกิ้ง และการทำธุรกรรมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ในช่วงสิ้นปี 2562 เพราะช่วงสิ้นปีของทุกปี มักเป็นช่วงที่มีการทำธุรกรรมหนาแน่น
ทั้งนี้ ทุกธนาคารที่เป็นสมาชิมสมาคมธนาคารไทย รวมถึง บริษัท เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ็กซ์ จำกัด (ITMX) ได้มีการประสานงาน และทำงานร่วมกันต่อเนื่อง มีทีมที่เกาะติดสถานการณ์ต่างๆแบบเรียลไทม์ตลอด24 ชั่วโมง ตั้งแต่ก่อนช่วงสิ้นปี จนถึงเลยช่วงปีใหม่ เพื่อให้มั่นใจว่าระบบของแบงก์มีประสิทธิภาพเพียงพอในการรองรับการทำธุรกรรมของประชาชนในช่วงหนาแน่นได้
จากการทำงานร่วมกัน และการเตรียมพร้อมเรื่องระบบ รวมถึงการเพิ่มขีดความสามารถในการทำธุรกรรมบนช่องทางดิจิทัล ให้สามารถรองรับการทำธุรกรรมได้ถึง2เท่าของปริมาณธุรกรรมในช่วงหนาแน่นที่สุด (พีค) ทำให้เชื่อว่าระบบธนาคารน่าจะไม่เกิดปัญหา หรือเกิดเหตุขัดข้องในช่วงสิ้นปีนี้แน่นอน
“วันนี้ทุกแบงก์ในสมาคมธนาคารไทย ร่วมถึงคนที่ทำระบบกลางอย่าง ITMX มีการทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่อง ทั้งเตรียมพร้อมระบบ การเกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันปัญหาเหตุขัดข้องที่จะเกิดขึ้นในช่วงสิ้นปี ดังนั้นเชื่อว่า สิ่งที่เราทำงานร่วมกัน เตรียมการณ์อย่างดี จะทำให้ระบบแบงก์สามารถรองรับธุรกรรมของประชาชนช่วงสิ้นปีได้ เราดูหนักขึ้น ทั้งก่อนสิ้นปี ที่จะมีทีมไอทีของแต่ละที่ เกาะติดพฤติกรรม เกาะติดสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การแก้ไขปัญหาต่างๆทำได้ทันที หากแบงก์ไหนเกิดปัญหาช่วงสิ้นปี เช่นการโอนเงินผ่านระบบกลางของ ITMX ก็ต้องกันแบงก์เหล่านั้นออกไปก่อน เพื่อไม่ให้ระบบแบงก์โดยรวมมีปัญหาหรือรวน ซึ่งเหล่านี้ก็เตรียมพร้อมไว้ดีอย่างต่อเนื่อง”นายปรีดี กล่าว
อย่างไรก็ตาม หากดูการทำธุรกรรมบนช่องทางดิจิทัลที่ทำผ่านระบบกลางของ ITMX พบว่า ปริมาณธุรกรรมอยู่ที่ราว 500 รายการต่อวินาที แต่ระบบของแบงก์ทั่วไปเชื่อว่ามีความสามารถในการรองรับมากกว่า1,000 รายการต่อวินาทีไปแล้ว โดยเฉพาะกสิกรไทย ที่หากเป็นการโอนเงินภายในธนาคารกสิกร สามารถรองรับการทำธุรกรรมได้หลายเท่าตัว หรือสามารถรองรับการทำธุรกรรมได้หลายพันรายการต่อวินาทีด้วย
สำหรับปีหน้านั้น เชื่อว่าแบงก์ต่างๆคงมีแผนในการขยายความสามารถการรองรับการทำธุรกรรมบนดิจิทัลให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงเร็ว หันมาทำธุรกรรมบนดิจิทัลเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ด้านนางสาวสิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายระบบการชำระเงินและเทคโนโลยีทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า ที่ผ่านมาธปท.มีการประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมเพื่อเตรียมรับมือ และป้องกันระบบขัดข้องในช่วงปลายปี 2562 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยทั้งสมาคมธนาคารไทย ธปท. และแบงก์ต่างๆ ที่ได้ให้ทุกธนาคารมีการเฝ้าระวังและขยายเพดานรองรับปริมาณธุรกรรมมากขึ้น รวมถึงให้แต่ละธนาคารเตรียมแผนรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน หากเกิดปัญหาแต่ละธนาคารจะมีแผนบริหารจัดการปัญหาต่างๆอย่างไร เพื่อไม่ให้ระบบของแบงก์นั้นๆ กระทบต่อการทำธุรกรรมโดยรวมของประชาชน และกระทบต่อระบบของแบงก์โดยรวมด้วย
ทั้งนี้หากดูการทำธุรกรรมบนดิจิทัล พบว่าปริมาณธุรกรรมเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 8 ล้านรายการต่อวัน และปริมาณธุรกรรมสูงสุดคือ 12 ล้านรายการต่อวัน ขณะที่เพดานการรองรับการทำธุรกรรมบนดิจิทัลของแบงก์วันนี้ พบว่าส่วนใหญ่มีความสามารถในการรองรับการทำธุรกรรมได้ 2 เท่าหากเทียบกับปริมาณสูงสุด ขณะเดียวกันหากธนาคารใด ที่ยังไม่มีความสามารถในการรองรับการทำธุรกรรมของประชาชนได้2เท่า ก็ได้ให้เร่งพัฒนาระบบเพื่อให้มีศักยภาพใกล้เคียงกับระบบได้มากขึ้น
“ในไตรมาส 4 ปีนี้ ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่จะมีปริมาณธุรกรรมมากที่สุด โดยทุกธนาคารมีการยกระดับระบบการเฝ้าระวัง และติดตามสถานการณ์ ซึ่งธปท.หวังว่าในไตรมาส 4 จะเห็นยอดระบบขัดข้องลดลง และในไตรมาส 4 จะเปิดเผยข้อมูลสถิติระยะเวลาในการขัดข้องด้วย ทำให้ทุกธนาคารต้องทำแผน ทำระบบระยะยาว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุขัดข้อง จนกระทบการใช้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ของประชาชน ถามว่า สิ้นปีนี้ระบบแบงก์จะไม่ล่มหรือไม่ คงตอบไม่ได้ ขึ้นอยู่กับปริมาณธุรกรรม เพราะว่าปริมาณการใช้สูงขึ้นทุกวัน วันนี้ปริมาณธุรกรรมสูงสุดคือ 12 ล้านรายการ แต่เชื่อว่าระบบแบงก์ที่เตรียมไว้น่าจะรองรับได้”