คดีม่อนแจ่ม จับ 4 รีสอร์ต เป็นนายทุนมีซินแสดัง
ชุดพยัคฆ์ไพรนำกำลังบุก “ดอยม่อนแจ่ม” อีกรอบ จับรีสอร์ตใหญ่ 4 แห่ง มีเจ้าของเป็นนายทุนจีนและซินแสชื่อดัง พร้อมเรียกประชุมกลุ่มวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรม่อนแจ่ม วางกฎ ระเบียบ กติกาให้ชัดเจน
เว็บไซต์ไทยรัฐ รายงานว่า ชาวม้ง 5 ครอบครัวเดือด ปิดเส้นทางเข้าหมู่บ้านชม “ดอยหลวงเชียงดาว” อ้างไม่พอใจเจ้าหน้าที่เลือกปฏิบัติ เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 28 ธ.ค. พ.ต.อ.วินิจฉัย พินิจศักดิ์ ผกก.สภ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ รับรายงานว่า ได้มีกลุ่มชาติพันธุ์ม้งหมู่บ้านนาเลาใหม่ หมู่ 10 ต.เชียงดาว อ.เชียงดาว ใช้เชือกขึงติดป้ายกระดาษเขียนข้อความโจมตีการเลือกปฏิบัติของเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว พร้อมปิดเส้นทางเข้าหมู่บ้านนาเลาใหม่ สถานที่ท่องเที่ยวชมธรรมชาติของดอยหลวงเชียงดาวที่สวยงาม ทำให้นักท่องเที่ยวที่ขับรถยนต์ขึ้นไปไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้
หลังรับแจ้งรีบไปตรวจสอบร่วมกับฝ่ายทหารและฝ่ายปกครอง รวมทั้งเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว เมื่อไปถึงพบกลุ่มชาวบ้านชนเผ่าม้งราว 10 คน ยืนขวางถนนพร้อมถ่ายภาพเจ้าหน้าที่ที่มาตรวจสอบ ต่อมามีนายอาเซอ เลายี่ปา และนายอาลู่ เลายี่ปา อ้างเป็นตัวแทนของชาวม้งบ้าน นาเลาใหม่ มาแจ้งชี้แจงถึงเหตุผลในการปิดทางเข้าแหล่งท่องเที่ยวในครั้งนี้ เนื่องจากไม่พอใจในการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ และไม่ยินยอมให้นักท่องเที่ยวจำนวนมากที่จองที่พักไว้ในหมู่บ้าน เข้าไปภายในหมู่บ้านได้
พ.ต.อ.วินิจฉัย พินิจศักดิ์ ผกก.สภ.เชียงดาว กล่าวว่า ตำรวจได้เจรจากับชาวบ้านให้เปิดเส้นทางแล้วแต่ไม่เป็นผล เรื่องที่เกิดขึ้นเนื่องจากหมู่บ้านนาเลาใหม่ เป็นแหล่งท่องเที่ยวสุดฮิตที่มีธรรมชาติสวยงาม อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว ต่อมาทราบว่ามีการบุกรุกพื้นที่ป่าเพิ่มในการทำโฮมสเตย์ เกิดผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปประชุมแก้ไขปัญหาจัดระเบียบให้ถูกต้องจำนวน 17 ราย ปัญหายุติลงได้ แต่มีบางกลุ่มที่เข้ามาอยู่ใหม่ได้ขยายพื้นที่สร้างโฮมสเตย์และไม่ทำตามกติกา ทำให้ถูกทางเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว สั่งยุติไม่ให้ดำเนินการต่อจนเกิดความไม่พอใจ พาพวกออกมาปิดเส้นทางเข้าหมู่บ้าน
นายประกาศิต ระวิวรรณ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว เผยว่า กลุ่มคนที่ก่อเหตุในครั้งนี้เป็นกลุ่มที่เข้ามาอยู่ใหม่และขยายพื้นที่เพิ่ม เจ้าหน้าที่ได้แจ้งว่าจัดระเบียบไว้หมดแล้ว ทำให้กลุ่มที่มาอยู่ใหม่จำนวน 5 ครอบครัวไม่พอใจ ไม่ยอมรับฟังคำชี้แจงใดๆ ยึดหลักหากพวกตนทำไม่ได้ คนอื่นก็ต้องทำไม่ได้ เจ้าหน้าที่ได้ประชุมกับคณะกรรมการหมู่บ้านชี้แจงกติกาอย่างชัดเจน และทำข้อตกลงกันไว้แล้ว แต่ยังมีกลุ่มที่ไม่พอใจออกมาเคลื่อนไหวในครั้งนี้ ส่งผลให้กลุ่มที่ได้รับผลกระทบและเดือดร้อนคือกลุ่มผู้ประกอบการที่ทำถูกต้องตามกติการวม 17 ครอบครัว นักท่องเที่ยวไม่สามารถเข้าไปพักในโฮมสเตย์ที่จองไว้ได้ ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของชุมชน การปิดเส้นทางเข้าหมู่บ้านเป็นเพียงคนกลุ่มน้อยที่ออกมา ทางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาวถือว่าได้ทำตามขั้นตอน หากไปยินยอมจะทำให้การจัดระเบียบต่างๆไร้ผล เหมือนพื้นที่ม่อนแจ่มและภูทับเบิกที่เป็นข่าวมาแล้ว
เวลา 09.00 น. วันเดียวกัน นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ผอ.สำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า/หัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ นำเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ป่าม่อนแจ่ม ตั้งอยู่บนสันเขาหมู่บ้านม้งหนองหอย เขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ริม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ หลังพบการบุกรุกขยายพื้นที่การใช้ประโยชน์ นอกเหนือจากที่ได้รับอนุญาต เจ้าหน้าที่ได้ติดป้ายประกาศเขตควบคุมป่าสงวนแห่งชาติเพื่อให้ยุติการก่อสร้างทั้งหมดในลักษณะบ้านพักตากอากาศ รีสอร์ต หรือร้านกาแฟขนาดใหญ่ หรือสถานบริการนักท่องเที่ยวอื่นๆในท้องที่บ้านปางไฮ หมู่ 4 บ้านหนองหอยเก่า หมู่ 7 บ้านหนองหอยใหม่ หมู่ 11 ต.แม่แรม และบ้านโป่ง–แยงนอก หมู่ 2 ต.โป่งแยง อ.แม่ริม ทั้งหมดอยู่ในพื้นที่ 2,000 ไร่ ที่ถูกบุกรุก บรรยากาศเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่มีชาวบ้านในพื้นที่มาคัดค้าน
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้คัดกรองชาวบ้าน 50 ราย ที่ได้รับสิทธิการจัดสรรที่ดินทำกินจากกรมป่าไม้ ตั้งแต่ปี 2551 และมติ ครม.วันที่ 30 มิ.ย.2541 เพื่อตรวจสอบว่ามีการซื้อขายเปลี่ยนมือไปเป็นของนายทุนหรือคนนอกพื้นที่หรือไม่ ปรากฏว่าถูกซื้อขายเปลี่ยนมือและไม่มีเอกสารสิทธิทำกิน 2 ราย คือ บ้านม่อนม่วน ต.โป่งแยง เป็นรีสอร์ตชื่อดัง ตั้งอยู่บนเนินเขา พบถือครองในนามบริษัท ขณะที่ผู้ถือหุ้น 3 คนแรกเป็นชาวจีน จึงจับกุมดำเนินคดี ต่อมา คือบ้านม่อนจ้อ เป็นที่พักที่ตั้งอยู่บนเนินเขาม่อน-แจ่มเช่นกัน เจ้าของเป็นนายทุนจากกรุงเทพฯไม่มีเอกสารสิทธิ จับกุมดำเนินคดีเช่นกัน รวมถึงบ้าน Rai Nai รีสอร์ตขนาดใหญ่ ตรวจสอบพบเจ้าของเป็นซินแสชื่อดัง
นายชีวะภาพกล่าวว่า พื้นที่บนดอยม่อนแจ่มอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ริม แต่เมื่อปี 2541 โครงการหลวงหนองหอย ได้ขออนุญาตจากกรมป่าไม้ ใช้ประโยชน์ในพื้นที่ 18,000 ไร่ จัดสรรให้ชาวบ้านทำกินตามมติ ครม.ทั้งหมด 2,800 ไร่ และได้จัดสรรให้เป็นที่ทำกิน 900 แปลง มีชาวบ้านเข้าใช้ประโยชน์เพื่อทำกิน 500 ราย แต่ปัจจุบันชาวบ้านได้กันพื้นที่บางส่วนสร้างบ้านพักและรีสอร์ตจนขยายตัวอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่ได้ติดประกาศห้ามก่อสร้างใหม่ หากพบจะดำเนินคดีและยึดพื้นที่คืน พร้อมกันนี้จะคัดกรองพิสูจน์สิทธิว่าเป็นเจ้าของจริงหรือไม่
“การพูดคุยเบื้องต้นผู้ประกอบการ 50 ราย ยอมปฏิบัติตามเงื่อนไข หากส่วนไหนที่ต่อเติมหลุดออกจากแปลงที่ดินที่เคยอนุญาตไว้จะเร่งรื้อถอนออก ส่วนอีก 30 รายที่มาก่อสร้างทีหลัง ต้องรื้อถอนทั้งหมด โดยเฉพาะรีสอร์ตที่ถูกดำเนินคดี 4 แห่ง และจะจับกุมรีสอร์ตขนาดใหญ่อีก 2 แห่ง เนื่องจากบุกรุกพื้นที่ป่า จะเข้าดำเนินคดีและติดป้าย ส่วนบ่อขยะที่ติดป้าย ไปก่อนหน้านั้น เป็นพื้นที่ป่าดอยม่อนแจ่ม เป็นป่าต้นน้ำชั้น 1 และ 2 การสร้างบ่อขยะอาจทำให้เกิดผลกระทบ จะต้องปิดบ่อขยะอย่างเด็ดขาด และจัดหาสถานที่ใหม่ทดแทน” นายชีวะภาพกล่าว
นายวิชิต เมธาอนันต์กุล ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรม่อนแจ่ม กล่าวว่า การที่เจ้าหน้าที่ลงมาพูดคุยวันนี้ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี ชาวบ้านจะได้รู้แนวทางว่าจะดำเนินการกับรีสอร์ตของตัวเอง อย่างไรและจะไม่มีการบุกรุกเพิ่ม ส่วนรายไหนที่บุกรุก ก่อสร้างนอกเหนือจากแปลงเดิม ผู้ประกอบการยินดีรื้อถอน พร้อมกันนี้จะช่วยเจ้าหน้าที่สอดส่องถ้าหากมีรถขนวัสดุก่อสร้างขึ้นมา จะแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจ สอบเพื่อป้องกันไม่ให้มีการบุกรุกเพิ่มอีก