รวมฮิต พฤติกรรม ห้าวเป้ง!! 4 ส.ส. อุทาหรณ์เตือนใจ 'นักการเมือง' หน้าใหม่ ปี 62
"....ณ โอกาสที่ปี 2562 กำลังจะผ่านพ้นไป สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้รวบรวมข้อมูลเรื่องราว พฤติกรรม "ห้าวเป้ง" ที่เป็นที่สุดของ ส.ส. บางราย ซึ่งเป็นโจษจันกันของคนในสังคม มานำเสนอให้ได้รับทราบกันโดยทั่วไปอีกครั้ง...."
ในรอบปี 2562 ที่ผ่านมา นับเป็นช่วงเวลาแห่งการแจ้งเกิดของ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) หน้าใหม่หลายคน เพราะหลังผ่านพ้นการเลือกตั้งใหญ่ของประเทศเมื่อวันที่ 24 มี.ค.2562 ส.ส.ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ต่างก็มุ่งมั่นสร้างสรรค์ผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสาธารณะ อันนำมาซึ่งชื่อเสียงและการยอมรับ
แต่ก็มี ส.ส.หลายคน ที่แสดงบทบาท "ผิดรูปผิดรอย" จนทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์กลายเป็นประเด็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ทางลบตามมาหลายครั้งหลายครา ถึงขนาดคนในแวดวงการเมือง ต้องยกมือกุมขมับ กับพฤติกรรม "ห้าวเป้ง" ของ ส.ส.เหล่านี้ ที่บางกรณีก็ร้ายแรง จนถึงขนาด "ของ" ที่ตั้งใจปล่อยโชว์ผลงาน ย้อนกลับเข้ามาหาทำร้ายตัวเองในท้ายที่สุด
ณ โอกาสที่ปี 2562 กำลังจะผ่านพ้นไป สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้รวบรวมข้อมูลเรื่องราว พฤติกรรม "ห้าวเป้ง" ที่เป็นที่สุดของ ส.ส. บางราย ซึ่งเป็นโจษจันกันของคนในสังคม มานำเสนอให้ได้รับทราบกันโดยทั่วไปอีกครั้ง โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
@ ‘สิระ’กร่างใส่ตำรวจภูเก็ต อ้างดูแลไม่ดีระหว่างลงพื้นที่
รายแรก เป็นเหตุการณ์เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2562 กรณี นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมคณะลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เพื่อตรวจสอบการก่อสร้างโครงการอาคารชุด หรือคอนโดมิเนียมหรู บนที่ดินที่ได้รับการร้องเรียนว่ามีการออกเอกสารสิทธิโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และทำให้ผู้ที่อยู่อาศัยใกล้เคียงได้รับผลกระทบ
มองดูเหมือนเป็นการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ที่ควรได้รับคำชื่นชม ในการนำคณะลงพื้นที่ ตรวจสอบเรื่องร้องเรียนที่ไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะกรณีที่ดินสาธารณะซึ่งเป็นสมบัติล้ำค่าของประเทศ
แต่สิ่งที่สังคมได้รับทราบและให้ความสนใจ กับไม่ใช่บทบาทเรื่องนี้
หากแต่เป็นคลิปเหตุการณ์ ขณะที่นายสิระ กำลังพูดคุยต่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กะรน อย่างรุนแรง ในเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ ที่ไม่จัดส่งตำรวจมาคอยดูแลอารักขาความปลอดภัย ระหว่างการลงพื้นที่ปฏิบัติงานเพื่อชาติดังกล่าว
นายสิระ ยังย้ำกับเจ้าหน้าที่ ตร. ด้วยว่า เวลาพวกตนเดินทางไปลงพื้นที่อื่นยังมีการจัดเตรียมเจ้าหน้าที่ตำรวจมาดูแล ส.ส.ที่มาทำงาน ให้เกียรติ ส.ส. ที่มาทำงานเพื่อบ้านเมือง
พร้อมกล่าววลีเด็ดด้วยว่า "จะให้โอกาสอีกครั้งหนึ่ง คงทราบนะว่าจะต้องทำอย่างไร"
ภายหลังจากที่คลิปเหตุการณ์ดังกล่าว ได้มีการเผยแพร่ออกไปในโลกออนไลน์ พร้อมเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทางลบ ที่ดังตามมาไม่ขาดสาย ลามไปถึงรัฐบาล ก็ร้อนไปถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องออกมาเตือนพฤติกรรมของนายสิระว่าอย่าไปทำอีก ในขณะเดียวกัน ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ก็ต้องออกมาขอโทษสังคมและตำหนิพฤติกรรมของนายสิระ โดยเฉพาะอย่างนายนายนัทธี ถิ่นสาคู สส.จังหวัดภูเก็ต พรรคพลังประชารัฐ ที่ออกมาระบุว่ารู้สึกเสียใจและไม่พอใจในการลงพื้นที่ของนายสิระ และไม่พอใจพรรคพลังประชารัฐด้วย เพราะการลงพื้นที่ของนายสิระในครั้งนี้ กระทบกับการทำงานของตน เนื่องจากไม่ได้มีการประสานงานมาก่อนจะลงพื้นที่ ทำให้ตนและพรรคโดนด่าไปด้วย
ทางด้านของนายสิระ ก็ออกมาขอโทษต่อสังคมในภายหลัง พร้อมกับกล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวนั้นได้มีการปรับความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ตร.ไปแล้ว และต้องขอโทษต่อสังคมด้วย ที่ตัวเองเป็นคนที่เสียงดังจนอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดเกิดขึ้น
ส่วนสาเหตุนั้นก็เนื่องมาจากว่า ก่อนที่จะลงพื้นที่ จ. ภูเก็ตนั้น ได้รับคำขู่ถึงขั้นเอาชีวิต!!
คลิปวิดิโอ ‘สิระ’ขึ้นเสียงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ (อ้างอิงวิดิโอจากผู้ใช้ Mtoday TV)
@ ‘มงคลกิตติ์’พกสารระเบิดเข้าสภาทดสอบระบบรักษาความปลอดภัย สุดท้ายถูกสั่งสอน
ส.ส.อีกหนึ่งราย ที่มักจะออกมาสร้างสีสันให้กับรัฐสภาอยู่เป็นประจำ คือ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.พรรคไทยศรีวิไลย์
แต่เหตุการณ์ที่ถูกโจษจันของคนในสังคมเป็นอย่างมากในรอบปี 2562 ของ นายมงคลกิตติ์ ว่า เลยขีดจำกัดเรื่องการสร้างสีสัน จนกลายเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม
คือ กรณีเปิดแถลงข่าวการรับมอบเครื่องตรวจวัตถุระเบิดรุ่นใหม่ที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 30 ต.ค.2562 โดยก่อนหน้าการแถลงข่าวนั้น นายมงคลกิตติ์ได้ประสานเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด (EOD) ให้นำองค์ประกอบของระเบิดทีเอ็นทีเข้ามาในรัฐสภา ปรากฏว่าเครื่องตรวจในสภาไม่สามารถตรวจพบได้
นายมงคลกิตติ์ ให้เหตุผลถึงการกระทำดังกล่าวว่า เพื่อทดสอบว่าระบบการตรวจสอบของรัฐสภานั้นไม่สามารถตรวจจับวัตถุระเบิดได้
แต่การกระทำดังกล่าวทำให้ทั้ง ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ต่างออกมาวิพากษ์วิจารณ์นายมงคลกิตติ์ทันทีว่าทำพฤติกรรมไม่เหมาะสมโดยเฉพาะกับการพกพาวัตถุสารตั้งต้นระเบิดเข้าไปในสถานที่สำคัญอย่างรัฐสภา
เรื่องร้ายแรง จนถึงขนาด นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้มอบหมายให้สำนักกฎหมายของสภาผู้แทนราษฎร ดำเนินการสอบสวนนายมงคลกิตติ์ พร้อมกำชับไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก
ก่อนที่ในวันที่ 1 พ.ย. นายมงคลกิตติ์ จะต้องเข้าไปขอโทษนายชวนในกรณีที่ไม่ได้ขออนุญาตนำสารประกอบระเบิดเข้ามาแถลงภายในรัฐสภา
พร้อมยอมรับว่าเป็นความผิดพลาดที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์
คลิปนายมงคลกิตติ์แถลงข่าวหลังหิ้วสรระเบิดเข้ารัฐสภา (อ้างอิงวิดิโอจาก Thaiquote)
@ อุทาหรณ์ ส.ส.พรรคเพื่อชาติให้ข่าวเก็บภาษีผ้าอนามัย กรมสรรพสามิตโต้ไม่จริง
ข้ามมากันที่พรรคฝ่ายค้านกันบ้าง กับกรณีที่ถือได้ว่าเป็นอุทาหรณ์สอนใจกับให้กับสังคมในเรื่องของการรับรู้และส่งต่อข้อมูลข่าวสารเป็นอย่างมาก
โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 ธ.ค. เมื่อ น.ส.เกศปรียา แก้วแสนเมือง โฆษกพรรคเพื่อชาติ ได้ตั้งคำถามไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหมว่า “เอาพื้นฐานความรู้อะไรตัดสินใจให้ผ้าอนามัยเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย เก็บภาษีในอัตราสูงและไม่ควบคุมราคา ตั้งแต่วันที่ 17 เม.ย. 2562 ที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรีจัดให้ผ้าอนามัยเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยที่ไม่ควบคุมราคา ไหน พล.อ.ประยุทธ์ คุยนักหนาว่าตนเองอ่านหนังสือเยอะรู้ทุกเรื่อง แต่เรื่องแค่สิทธิพื้นฐานของประชากรสตรีทำไมถึงไม่ทราบ ผ้าอนามัยไม่ใช่สินค้าเครื่องสำอางหรือสินค้าฟุ่มเฟือย เพราะไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์หามาใช้เพื่อสนองความต้องการทางใจ เป็นสินค้าที่สนองความต้องการทางกายภาพของเพศหญิง ผู้หญิงทั่วโลกไม่สามารถเลือกได้ว่าจะเกิดมาโดยไม่มีมดลูก และประจำเดือนก็เป็นสิ่งที่ติดมาพร้อมการมีมดลูก
ผ้าอนามัยควรถูกมองว่าเป็นสินค้าจำเป็นต่อสุขภาพอนามัย ไม่ใช่คิดแค่ว่าเป็นความรับผิดชอบส่วนตัวของผู้หญิง รัฐบาลที่มีวิสัยทัศน์มองประชาชนเท่าเทียมไม่กดขี่ทางเพศ ต้องให้ความสำคัญกับสุขภาพอนามัยของทุกเพศ ผ้าอนามัยคือสินค้าจำเป็นกับการดำเนินชีวิตสตรี รัฐบาลควรจัดให้เป็นสินค้าปลอดภาษี หรือแจกฟรีในสถานศึกษาทั่วประเทศ ไม่ใช่มาจัดเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยที่สามารถเรียกเก็บภาษีได้ถึง 40% โดยไม่ควบคุมราคา ทำให้ในแต่ละเดือนประชากรสตรีต้องมีค่าใช้จ่ายในการในการซื้อผ้าอนามัยที่เป็นสินค้าจำเป็นต่อชีวิต 200-400 บาทใกล้เคียงกับค่าแรงขั้นต่ำ”
ทั้งนี้ การออกมาเปิดประเด็นเรื่องนี้ของ น.ส.เกศปรียา ทำให้เกิดกระแสสังคมวิพากษ์ วิจารณ์ การทำงานของรัฐบาล และพล.อ.ประยุทธ์อย่างรุนแรง ขณะที่สื่อมวลชนหลายแห่ง ยังนำเรื่องไปขยายผลในเวลาต่อมาอีกด้วย
ร้อนไปถึง นายวิวัฒน์ เขาสกุล รองอธิบดีกรมสรรพสามิต ในฐานะโฆษกกรมสรรพสามิต ต้องออกมาเปิดแถลงข่าวด่วน ชี้แจงว่า ตามที่ได้มีข่าวปรากฏว่า ปัจจุบันรัฐบาลเก็บภาษีผ้าอนามัยสูง ทำให้ผ้าอนามัยมีราคาแพงนั้น กรมสรรพสามิตขอเรียนชี้แจงว่าไม่มีการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตผ้าอนามัยแต่อย่างใดเพราะผ้าอนามัยไม่เป็นสินค้าที่อยู่ในพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต เพราะไม่ถูกจัดเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย ปัจจุบันถูกเรียกเก็บเฉพาะภาษีมูลค่าเพิ่มหรือ vat เท่านั้น
ขณะที่ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ ได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และตำรวจ เพื่อตรวจสอบต้นทางของข่าว เพื่อดำเนินคดีและขอศาลออกหมายจับตามกฎหมาย
ส่วน น.ส.เกศปรียา ก็รีบออกมาชี้แจงในเวลาต่อมา ว่า สาเหตุที่ต้องออกมาให้ข่าวก็เป็นเพราะว่าอยากจะให้ราคาผ้าอนามัยราคาถูกกว่านี้ และขอยืนยันความบริสุทธิ์ใจที่พูดถึงประเด็นนี้ ว่า "ไม่ได้ต้องการเล่นเรื่องนี้เป็นดราม่าหรือโจมตีรัฐบาล แต่ทำหน้าที่ในฐานะเป็นนักการเมือง เป็นปากเสียงประชาชน ที่ต้องการเปลี่ยนแปลง"
ก่อนจะเก็บตัวเงียบไปในเวลาต่อมา และยังไม่มีใครยืนยันได้ว่า น.ส.เกศปรียา จะได้รับอะไรตอบแทนจากเรื่องนี้บ้าง
@ 'พรรณิการ์ วานิช' -ไม่รู้ใครทำ แต่ชอบ! กับกรณีคำขวัญวันเด็ก ก่อนถูกดำเนินคดี
ปิดฉากเรื่องส่งท้ายปี! ยังคงเป็นประเด็นเกี่ยวกับการทำหน้าที่ของ ส.ส.ฝ่ายค้าน ในกรณี คำขวัญวันเด็ก ของ น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่
เรื่องนี้ ต้องย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา ภายหลังจากเว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาลเผยแพร่ คำขวัญวันเด็ก ของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่มอบให้เด็กๆ เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2563 ซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่ 11 ม.ค. 2563 ว่า “เด็กไทยยุคใหม่ รู้รักสามัคคี รู้หน้าที่พลเมืองไทย”
ในวันถัดมา คือวันที่ 14 ธ.ค. น.ส.พรรณิการ์ได้โพสต์ข้อความลงบนทวิตเตอร์ระบุว่า “ไม่รู้ใครทำ แต่ชอบ! #ไม่ถอยไม่ทน #กลัวที่ไหน อย่าลืมนะคะเด็กไทยยุคใหม่ต้องไปสกายวอล์ค เสาร์ 14 ธันวาคมนี้ (ลุงตู่ไม่ได้กล่าว)” โดยเป็นภาพคำขวัญวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2563 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่ระบุว่า “เด็กไทยยุคใหม่ รู้รักสามัคคี รู้หน้าที่พลเมืองไทย” โดยมีปากกาสีแดงเขียนใต้คำดังกล่าวว่า “และอย่าลืมไปสกายวอล์คพรุ่งนี้” (15 ธ.ค.)
ซึ่งหลังจากการโพสต์ข้อความไม่นาน เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ ได้สั่งการให้นิติกรของสำนักนายกรัฐมนตรี (นร.) ไปแจ้งความดำเนินคดีและร้องทุกข์กล่าวโทษต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ต่อกรณีการโพสต์ข้อความดังกล่าวทันที
ด้าน น.ส.พรรรณิการ์ ได้ออกมาตอบโต้การกระทำของนายพุทธิพงษ์เช่นกัน โดยเปิดแถลงข่าวเป็นทางการเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.วิพากษ์การทำงานของนายพุทธิพงษ์ว่าได้ละเลยคดี ไม่ดำเนินคดีกับคนที่แชร์ข่าวปลอมว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ มีคำพูดท้าทายสถาบันในการจัดกิจกรรมแฟลชม็อบที่ผ่านมา ซึ่งพุทธิพงษ์ได้รับปากและยืนยันว่าจะจัดการ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ แต่กลับมาไล่ดำเนินคดีกับตนเองในข้อหาผิด พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ที่แชร์ภาพและข้อความล้อเลียนภาพคำขวัญของนายกรัฐมนตรี ซึ่งใครมองก็รู้ว่าเป็นเรื่องตลกแทน
ปัจจุบันยังไม่มีใครทราบว่าบทสรุปของเรื่อง ไม่รู้ใครทำ แต่ชอบ ของ น.ส.พรรรณิการ์ จะลงเอยอย่างไรเช่นกัน
คลิปน.ส.พรรณิการ์ แถลงข่าวตอบโต้นายพุทธิพงษ์ที่ดำเนินคดีกับตน (อ้างอิงคลิปจากผู้ใช้ชื่อ Samran Sompong)
ทั้งหมดนี้ คือ ภาพรวมพฤติกรรม "ห้าวเป้ง" ที่เป็นที่สุดของ ส.ส. 4 ราย ซึ่งเป็นโจษจันกันของคนในสังคม ในรอบปี 2562 ที่ผ่านมา ที่สำนักข่าวอิศรา รวบรวมมานำเสนอให้สาธารณชนได้รับทราบกันอีกครั้ง
ส่วนปีใหม่ 2563 ที่กำลังจะมาถึง จะมีพฤติกรรม "ห้าวเป้ง" ของ ส.ส.รายใดเกิดขึ้นอีกบ้าง คงต้องรอติดตามดูกันต่อไป
แต่หลายกรณีที่เกิดขึ้นในปี 2562 น่าจะเป็น อุทาหรณ์ เตือนใจการทำงานของ ส.ส. ให้มีความระมัดระวังตัวมากขึ้น รวมถึงยกระดับการทำหน้าที่ของ ส.ส.ไทย ให้มีมาตรฐาน ประสิทธิภาพมากยิ่งๆ ขึ้นไปในอนาคต
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/