ครป.จี้รัฐ จัดเลือกตั้งท้องถิ่นทั่วประเทศภายใน 3 เดือน
ครป. แถลงการณ์ ขอรัฐบาลเร่งกระจายอำนาจการปกครองและจัดเลือกตั้งท้องถิ่นโดยเร็ว หลังร่วมอภิปรายสาธารณะ "การกระจายอำนาจการปกครอง" สาระสำคัญ ระบุ รัฐบาลและราชการจำเป็นต้องเปลี่ยนกระบวนทัศน์การบริหารราชการแผ่นดิน ต้นเหตุคอร์รัปชัน - ประเทศพัฒนาช้า
เว็บไซต์ www.news.thaipbs.or.th รายงานว่า เมื่อวันที่ 24 ธ.ค.2562 หลังการอภิปรายสาธารณะ ข้อเสนอ ครป. กับการกระจายอำนาจการปกครอง ตัวแทนคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตยและผู้ร่วมอภิปราย ออกแถลงการณ์ ขอให้รัฐบาลกระจายอำนาจการปกครองและจัดการเลือกตั้งท้องถิ่นโดยเร็ว
สาระสำคัญในแถลงการณ์ ระบุ รัฐบาลและกลไกรัฐผ่านระบบราชการรวมถึงรัฐสภา จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ จากรัฐรวมศูนย์ ซึ่งเต็มไปด้วยการคอร์รัปชั่น เป็นการละโอกาสในการนำศักยภาพและพลังของประชาชนในท้องถิ่น มาใช้เพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ของประเทศ รวมถึงการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและการเมือง ที่นอกจากจะช่วยลดภาระของรัฐบาลส่วนกลาง ยังเป็นการเพิ่มพลังการแข่งขันของประเทศให้มากขึ้น
พร้อมมีข้อเรียกร้อง 5 ข้อ คือ 1) ให้มีการกระจายอำนาจทางเศรษฐกิจ หยุดธุรกิจผูกขาด 2) ส่งเสริมท้องถิ่นจัดการตนเอง ด้วยการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด เช่นเดียวกับกรุงเทพมหานคร 3) ผลักดันองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษเต็มพื้นที่จังหวัด ตามมาตรา 249 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 4) ให้มีสภาพลเมืองในทุก อปท. เพื่อร่วมกันกำหนดแผนพัฒนาท้องถิ่น และ 5) จัดเลือกตั้งท้องถิ่นทั่วประเทศโดยเร็ว ภายในไม่เกิน 3 เดือนนับจากนี้
แถลงการณ์คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.)
เรื่อง ขอให้รัฐบาลกระจายอำนาจการปกครองและจัดการเลือกตั้งท้องถิ่นโดยเร็ว
เป็นที่เข้าใจกันโดยกว้างขวางในหมู่ประชาชนโดยทั่วไปว่า ปัจจุบันประเทศไทยกำลังเผชิญกับการรุมเร้าอย่างหนักหน่วงของปัญหาอันหลากหลาย ทั้งปัญหาที่เป็นผลมาจากการแข่งขันแย่งชิงกันทางการเมืองและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ และปัญหาภายในประเทศที่บรรดาปัญหาใหญ่-น้อยทั้งหลายนั้นส่งผลถึง “ความเหลื่อมล้ำอย่างรุนแรง” ระหว่างประชาชนที่ต่างชนชั้น ต่างฐานะทางสังคม ที่อยู่ในเมืองกับอยู่ในชนบทและอื่นๆ แต่ปรากฎว่า รัฐบาลและกลไกรัฐทั้งหลายยังมีกระบวนทัศน์ว่า การเป็น “รัฐราชการ” หรือ “รัฐรวมศูนย์อำนาจ” แบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบันจะเป็นสิ่งที่ทำให้รัฐไทยสามารถเผชิญกับปัญหาและความท้าทายต่างๆ ได้ทั้งที่ตลอดเวลาที่ผ่านมา ประสิทธิภาพการแก้ไขปัญหาภายใต้กระบวนทัศน์นี้ไม่อาจลดทอนปัญหาความเหลื่อมล้ำดังกล่าวลงได้ ตรงกันข้ามกลับทวีความรุนแรงเพิ่มยิ่งขึ้น
คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ซึ่งมีความห่วงใยอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ที่เป็นอยู่นี้ เห็นว่า รัฐบาลและกลไกรัฐในราชการฝ่ายบริหาร และรัฐสภาจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์การบริหารราชการแผ่นดินและการตรากฎหมายแล้วแต่กรณีจากการเป็น “รัฐราชการแบบเข้มข้น” หรือ “รัฐรวมศูนย์อำนาจเด็ดขาด” ซึ่งเต็มไปด้วยการคอร์รัปชั่นของข้าราชการและนักการเมืองอย่างเป็นระบบ และเชื่อว่ารัฐบาลและกลไกของรัฐต่างๆ เท่านั้นเป็นฝ่ายที่มีความสามารถในการตัดสินใจบริหารจัดการประเทศได้ดีที่สุดและถูกต้องที่สุด และถือว่าประชาชนเป็นเพียงฝ่ายที่ต้องรอรับผลการตัดสินใจหรือตอบสนองต่อทิศทางการดำเนินการของฝ่ายรัฐทั้งที่มีข้อจำกัดมากมาย ประการสำคัญ กระบวนทัศน์และแนวทางเช่นนี้ได้ละทิ้งโอกาสอย่างมหาศาลในการนำเอาศักยภาพและพลังของประชาชนในท้องถิ่นและทรัพยากรท้องถิ่นที่มีอยู่ในทั่วประเทศมาขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาต่างๆ ของประเทศและแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทั้งทางเศรษฐกิจและการเมือง ช่วยลดภาระของรัฐบาลในส่วนกลาง รวมทั้ง เพิ่มพลังในการแข่งขันให้กับประเทศให้มากยิ่งขึ้น
คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) จึงขอเรียกร้องต่อรัฐบาล และคณะกรรมาธิการต่างๆ ของรัฐสภา รวมถึงหน่วยงานด้านความมั่นคงทั้งหลายว่า ถึงเวลาแล้วที่ต้องปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ กำหนดนโยบาย และตรากฎหมายให้เกิดการบริหารจัดการประเทศร่วมกันระหว่างรัฐกับประชาชนภายใต้ภัยคุกคามความมั่นคงในรูปแบบใหม่ ดังต่อไปนี้
1. ขอให้รัฐบาลแก้ปัญหาการผูกขาดอำนาจทางการเมืองและเศรษฐกิจของกลุ่มนายทุนผูกขาด โดยต้องกระจายอำนาจทางเศรษฐกิจและบังคับใช้กฎหมายการแข่งขันทางการค้า พ.ศ.2560 ให้เกิดความเป็นธรรมอย่างเต็มที่ หยุดธุรกิจที่ผูกขาดตลาดเกินกว่ากึ่งหนึ่งโดยนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยไม่เลือกปฏิบัติ จัดให้มีกฎหมายการเก็บภาษีทรัพย์สินอัตราก้าวหน้าเหมือนนานาอารยประเทศ ยกเลิกนโยบายส่งเสริมการลงทุนเขตเศรษฐกิจพิเศษและการลดภาษีเงินได้และให้อภิสิทธิ์พิเศษแก่โครงการของกลุ่มทุน
2. ขอให้รัฐบาลกระจายอำนาจการปกครองจากรัฐราชการรวมศูนย์ ไปสู่การพัฒนาเมืองต่างๆ ให้เติบโตยั่งยืนด้วยตนเองได้ และส่งเสริมให้ท้องถิ่นจัดการตนเองด้วยระบบราชการสมัยใหม่ที่ทันสมัย โดยให้มีการเลือกตั้งผู้บริหารจังหวัดเหมือนกับกรุงเทพมหานครและเมืองพัทยา เพื่อให้ทุกเมืองได้พัฒนาทรัพยากรในท้องถิ่นได้อย่างเต็มที่เพื่อผลประโยชน์ของคนในท้องถิ่นเอง
3. ขอให้รัฐบาลผลักดันรูปแบบการปกครองในรูปจังหวัดจัดการตนเองซึ่งเป็น “การปกครองตนเองตามเจตนารมณ์ของประชาชนในท้องถิ่น” ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 249 และเป็นรูปแบบ “องค์กรปกครองท้องถิ่นรูปแบบพิเศษเต็มพื้นที่จังหวัด” ตามพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจ พ.ศ. 2542 มาตรา 19 ใน “จังหวัดที่ความพร้อม” ก่อนเพื่อนำร่องทดลองรูปแบบการกระจายอำนาจอย่างเป็นระบบ
4. ขอให้รัฐบาลจัดให้มี “สภาพลเมือง” ขึ้นในทุกองค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาลและองค์การบริหารส่วนตำบล โดยให้สภาพลเมืองเป็นที่สำหรับการปรึกษาหารือ การร่วมตัดสินกำหนดแผนพัฒนาท้องถิ่น การร่วมแก้ไขปัญหาของท้องถิ่น เป็นต้น รวมทั้ง ควรเปิดโอกาสให้สภาองค์กรชุมชน องค์กรและเครือข่ายภาคประชาสังคมได้มีบทบาทในการให้คำปรึกษาและร่วมตัดสินใจกับองค์กรปกครองท้องถิ่น ตลอดทั้ง ร่วมหรือรับทำบริการสาธารณะที่เหมาะสมด้วย
5. ขอให้รัฐบาลเร่งจัดให้มีการเลือกตั้งท้องถิ่นทั่วประเทศโดยเร็วที่สุดภายในกำหนดเวลาไม่เกิน 3 เดือนนับจากนี้ หลังจากที่ไม่มีการเลือกตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมากว่า 7 ปีตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ใช้อำนาจมาตรา 44 ขยายเวลาออกไป จนบัดนี้มีรัฐบาลจากการเลือกตั้งเข้ามาทำหน้าที่นานแล้ว สมควรให้มีการจัดการเลือกตั้งท้องถิ่นโดยเร็วเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นแก่ประชาชนและเพื่อให้การปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถทำบริการสาธารณะเพื่อประโยชน์แก่ประชาชนในท้องถิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดความต่อเนื่องของระบบ
คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) หวังเป็นอย่างยิ่งว่ารัฐบาล รวมถึงรัฐสภาไทย จะรับฟังข้อเรียกร้องอันบริสุทธิ์ใจนี้ ซึ่งจะสร้างความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลและรัฐสภาไทยในที่สุด เพื่อเป็นทางออกในการแก้ไขปัญหาประเทศอย่างจริงจัง
24 ธันวาคม 2562
คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.)
ที่มา : https://news.thaipbs.or.th/content/287395