เผยโฉมปรับปรุงสนามราชมังฯจัดแข่ง AFC - 'ก้องศักดิ์' ยันส่งงานเสร็จก่อน 26 ธ.ค.นี้

เผยโฉมสนามราชมัลคลาฯใช้งบปรับปรุง 167 ล้าน จัดแข่งฟุตบอล AFC 'ก้องศักดิ์' แจงเสร็จก่อนวันที่ 26 ธ.ค.แน่นอน เผยยังเหลือแค่ ติดฝ้า ปรับปรุงห้องแต่งตัวนักกีฬา-ตรวจสารต้องห้าม-ห้องพยาบาล 

สืบเนื่องจากสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ติดตามตรวจสอบการใช้จ่ายเงินงบประมาณกรณีการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) จัดทำโครงการจ้างซ่อมบำรุงสนามกีฬา เพื่อรองรับการแข่งขันฟุตบอล AFC (เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก) ระหว่างวันที่ 8-26 ม.ค. จำนวน 3 แห่ง คือ สนามราชมังคลากีฬาสถาน งบประมาณ 167 ล้านบาท สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี งบประมาณ 156 ล้านบาท และสนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 จ.นครราชสีมา งบประมาณ 189 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 512.8 ล้านบาท หลังเกิดเสียงวิจารณ์การใช้จ่ายงบประมาณไม่คุ้มค่า เพราะใช้เวลาจัดการแข่งขันไม่ถึง 2 สัปดาห์ 

ขณะที่ นายก้องศักดิ์ ยอดมณี ผู้ว่าฯ กกท.ชี้แจงสำนักข่าวอิศราว่า สาเหตุที่ต้องปรับปรุงสนามกีฬาทั้ง 3 แห่ง เป็นเพราะที่ผ่านมา สนามฟุตบอลที่อยู่ในการดูแลของ กกท. ยังไม่มีสนามใดที่ได้มาตรฐาน AFC ใช้งานในระดับนานาชาติได้ โดยการปรับปรุงทั้งหมดจะต้องเสร็จก่อนวันที่ 24 ธ.ค. (อ่านประกอบ:‘ก้องศักดิ์’ ไขปมร้อน กกท.ปรับปรุง 3 สนาม 512 ล. เปลี่ยนเท่าที่จำเป็น-ตามมาตรฐาน AFC)

ล่าสุด นายก้องศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการปรับปรุงสนามกีฬา ทั้ง 3 แห่งว่า มั่นใจว่าการปรับปรุงสนามจะเสร็จทันกำหนดส่งงานภายในวันที่ 26 ธ.ค.2562 นี้ แน่นอน  โดยขณะนี้สนามกีฬาทั้ง 3 แห่ง สามารถใช้งานได้แล้วกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ สามารถใช้จัดการแข่งขันได้แล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการเก็บงานและรายละเอียดต่างๆเพิ่มเติม เช่นการติดฝ้าต่างๆให้เรียบร้อยเท่านั้น

ขณะที่เว็บไซต์ กกท.(www.sat.or.th) ได้เผยแพร่ข้อมูลนายก้องศักดิ์ลงพื้นที่ตรวจสอบสนามราชมังคลากีฬาสถานเมื่อวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา พบว่าในส่วนของสนามกีฬานั้นยังมีพื้นที่ที่ต้องปรับปรุงอีกเล็กน้อย อาทิ ห้องแต่งตัวนักกีฬา ห้องตรวจสารต้องห้ามทางการกีฬา ห้องพยาบาล และห้องสื่อมวลชน (ดูภาพประกอบ)

อ่านประกอบ : 

‘ก้องศักดิ์’ ไขปมร้อน กกท.ปรับปรุง 3 สนาม 512 ล. เปลี่ยนเท่าที่จำเป็น-ตามมาตรฐาน AFC

แฉ กกท.ทุ่ม 512ล.ปรับปรุงสนามแข่ง AFC ของเก่าสภาพดี80% - 'ก้องศักดิ์' แจงยกระดับนานาชาติ

# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/