สธ.จับมือ กษ.ดันปลูกรางจืด 1 ครัวเรือน 1 ต้น ล้างพิษเกษตรกร
ก.สาธารณสุข เผยสถานการณ์เจ็บป่วยสารเคมีน่าห่วง ดันสมุนไพรรางจืดเป็นพืชล้างพิษคู่ครัวเรือน สำรวจพื้นที่ปลูกทั่วประเทศ เร่งกรมแพทย์แผนไทยวิจัยตัวยาในย่านางแดง ย่านาง มะขามป้อม เริ่มตรวจสุขภาพเกษตรกรฟรีที่ รพ.สต.ทั่วประเทศ 14 ก.พ.นี้
เมื่อเร็วๆนี้ ดร.พรรณสิริ กุลนาถศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เปิดโครงการรณรงค์ “เกษตรกรปลอดโรค ผู้บริโภคปลอดภัย สมุนไพรล้างพิษ กายจิตผ่องใส” ที่โรงเรียนละหานทรายรัชดาภิเษก อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ พร้อมมอบโล่เกษตรกรดีเด่นใช้เกษตรอินทรีย์เพื่อส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค และ แจกกล้ารางจืด 500 ต้นให้ชาวบ้าน
ดร.พรรณสิริ กล่าวว่า เกษตรกรทั่วประเทศมีกว่า 14 ล้านคน และเสี่ยงอันตรายจากการใช้ยาฆ่าแมลง ยาฆ่าหญ้า โดยปี 2552 มีเกษตรกรป่วยจากพิษสารเคมี 4,691 ราย เพิ่มขึ้น 2 เท่าตัวในรอบ 10 ปี และผลการตรวจเลือดเกษตรกร ที่ จ.ปทุมธานี สุราษฎร์ธานี เพชรบูรณ์ ตั้งแต่ 20 ธ.ค.53 เป็นต้นมา พบเกษตรกรมียากำจัดศัตรูพืชตกค้างในเลือดร้อยละ 57-61 สำหรับ จ.บุรีรัมย์ มีพื้นที่เกษตรกรรม 4 ล้านกว่าไร่ เกษตรกร 232,583 ครัวเรือน พื้นที่เพาะปลูกส่วนใหญ่อยู่ในเขต อ.ละหานทราย บ้านกรวด โนนดินแดง ผลการตรวจเลือดพบเกษตรกรมีสารกำจัดศัตรูพืชตกค้างในระดับที่ไม่ปลอดภัยร้อยละ 26 และพบผู้ป่วยจากสารกำจัดศัตรูพืชตั้งแต่ปี 2549-2553 รวม 404 ราย
สธ.จึงจัดโครงการตรวจหาสารพิษตกค้างในเกษตรกรไทย ตั้งเป้าว่าปี 54 จะตรวจสุขภาพเกษตรกรฟรี 840,000 คน โดยเริ่มให้บริการที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล 840 แห่งพร้อมกันทั่วประเทศตั้งแต่ 14 ก.พ.54 เป็นต้นไป นอกจากนี้ยังนำสมุนไพรรางจืดมารณรงค์ให้ใช้ดื่มเพื่อขับสารพิษในรายในร่างกาย โดยสมุนไพรพื้นบ้านดังกล่าวเรียกได้หลายชื่อ เช่น รางเย็น ดุเหว่า แอดแอ และผลการวิจัยยืนยันว่าลดและกำจัดพิษยาฆ่าแมลงออกจากร่างกายได้
ดร.พรรณสิริ ยังกล่าวว่า ได้ให้กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ศึกษาสมุนไพรที่จะนำมาใช้ล้างพิษ ที่เล็งไว้มี 3 ตัว ซึ่งมีการนำมาใช้ในการแพทย์พื้นบ้าน ได้แก่ 1.ย่านางแดงหรือเครือขยัน ใช้ถอนพิษ แก้พิษไข้ต่างๆ 2.ย่านางหรือจ้อยนาง ขันยอ ใช้ถอนพิษผิดสำแดง แก้พิษเบื่อเมาในอาหารเช่นเห็ด กลอย และ 3.มะขามป้อม ซึ่งมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก ยับยั้งการเจริญเติบโตแบคทีเรีย ผลการทดลองในหนูพบว่ามีฤทธิ์ลดไขมันในเลือดของสัตว์และคนได้ สามารถต้านมะเร็ง ไวรัส ลดการอักเสบ เพิ่มภูมิต้านทานในร่างกายได้ แต่ผลวิจัยรองรับยังมีน้อย จึงจะเร่งให้ดำเนินการให้สำเร็จภายใน 4 ปี เพื่อให้คนไทยมีสมุนไพรถอนพิษที่อยู่ใกล้ตัวใกล้บ้าน สามารถนำมาใช้ได้
นอกจากนี้ยังให้กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทย ทำการสำรวจการปลูกรางจืดในภาพรวมระดับประเทศ และศึกษาประสิทธิภาพตัวยาในรางจืดที่ปลูกในแต่ละภูมิภาค ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อที่จะส่งเสริมให้ชาวบ้านปลูกรางจืด 1 ครัวเรือน 1 ต้น ซึ่งทั่วประเทศมีกว่า 20 ล้านครัวเรือน .
ที่มาภาพ : http://www.ku.ac.th/e-magazine/jan49/know/rang.htm