หลักฐานอีเมลพบทำเนียบขาวตัดเงินช่วยยูเครนจริง
เว็บไซต์ www.naewna.com รายงานว่า วอชิงตัน (เอพี/รอยเตอร์/บีบีซี นิวส์) - พบหลักฐานใหม่ที่เกี่ยวข้องกับการถอดถอนผู้นำสหรัฐ ชี้ทำเนียบขาวระงับการให้เงินช่วยเหลือแก่ยูเครน ในเวลาเพียง 91 นาที หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โทรศัพท์สายตรงพูดคุยกับผู้นำยูเครน เมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา
โดยอีเมลจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทำเนียบขาวที่ส่งถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกระทรวงกลาโหมสหรัฐ ซึ่งถูกนำมาเผยแพร่ โดยศูนย์ตรวจสอบการกระทำละเมิดของเจ้าหน้าที่รัฐแห่งหนึ่งในสหรัฐ มีข้อความที่ระบุว่า ทำเนียบขาวขอให้กระทรวงกลาโหมระงับการให้เงินช่วยเหลือยูเครนออกไปก่อน เนื่องจากทางรัฐบาลมีแผนทบทวนโครงการดังกล่าว
อีเมลฉบับดังกล่าวถูกส่งออกไปเพียง 91 นาที หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์ ของสหรัฐ สนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน เมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งทรัมป์ขอให้ผู้นำยูเครนช่วยเปิดการสอบสวนนายโจไบเดน ว่าที่คู่ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในการเลือกตั้งสมัยหน้าจากพรรคเดโมแครต ถือเป็นหลักฐานชิ้นล่าสุดที่พิสูจน์ว่า รัฐบาลสหรัฐตัดการช่วยเหลือยูเครนเพื่อกดดันให้ยูเครนแทรกแซงกิจการภายในของสหรัฐ ให้เกิดประโยชน์ต่อทรัมป์ในการเลือกตั้งสมัยหน้า ตามที่มีการยื่นถอดถอนจริง
พรรครีพับลิกันพยายามช่วยแก้ต่างให้ทรัมป์ โดยระบุในรายงานของสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 2 ธ.ค. ว่า การชะลอความช่วยเหลือแก่ต่างชาตินั้นไม่ถือเป็นเรื่องแปลกอะไร สว. รอน จอห์นสัน ของพรรครีพับลิกันให้สัมภาษณ์ในรายการ This Week ทางสถานีโทรทัศน์เอบีซีว่า อีเมลเหล่านี้ไม่ได้ให้ข้อมูลใหม่ๆเกี่ยวกับเหตุผลที่ ทรัมป์สั่งระงับความช่วยเหลือต่อยูเครน และว่าทรัมป์เพียงแค่กังวลว่าเงินภาษีที่ชาวอเมริกันหามาได้อย่างยากลำบากจะถูกเอาไปใช้กับประเทศซึ่งมีการทุจริตคอร์รัปชั่น แต่สว. ชัค ชูเมอร์ แกนนำ สว.เดโมแครต เสียงข้างน้อย ระบุว่าอีเมลชุดนี้ให้ข้อมูลที่ฉาวโฉ่สุดๆ และวิจารณ์ผู้นำสหรัฐที่ไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวบางคนเข้าให้การต่อสภา ถ้าคำสั่งระงับความช่วยเหลือไม่มีอะไรผิดปกติ เหตุใดนายไมเคิล ดัฟฟีย์ เจ้าหน้าที่สำนักงานการจัดการและงบประมาณ ซึ่งเป็นผู้ส่งอีเมลดังกล่าวถึงกระทรวงกลาโหม ถึงต้องพยายามปกปิดไม่ให้ใครรู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่
ทั้งนี้ สภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติถอดถอนทรัมป์ ออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. ฐานใช้อำนาจโดยมิชอบ และขัดขวางการทำงานของสภาคองเกรส สำหรับกระบวนการไต่สวนถอดถอนทรัมป์ในชั้นวุฒิสภา คาดว่าจะเริ่มในเดือนม.ค.ปีหน้า ขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์ยังคงปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และประณามการไต่สวนเพื่อถอดถอนเขาว่าเป็นแผนก่อรัฐประหารและโจมตีอเมริกา