สหรัฐฯระงับความช่วยเหลือยูเครน 90 นาทีหลัง'ทรัมป์'บีบผู้นำเคียฟ
เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่ฝ่ายงบประมาณของสหรัฐฯ แจ้งให้กระทรวงกลาโหม “ระงับ” ความช่วยเหลือทางทหารต่อยูเครน เพียง 90 นาทีหลังจากที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ พูดคุยโทรศัพท์กับ โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำกรุงเคียฟ ข้อมูลอีเมลภายในฉบับหนึ่งระบุ
เว็บไซต์ ผู้จัดการออนไลน์ รายอ้างสำนักข่าวเอเอฟพี ระบุว่า อีเมลฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ถูกนำออกเผยแพร่โดยศูนย์ Center for Public Integrity (CPI) ซึ่งเป็นองค์กรสื่อมวลชนสายสอบสวนไม่แสวงผลกำไรในสหรัฐฯ
ทรัมป์ ถูกกล่าวหาว่าใช้ความช่วยเหลือ 400 ล้านดอลลาร์ต่อยูเครนมาเป็นเครื่องต่อรอง เพื่อกดดันรัฐบาลเคียฟให้ตรวจสอบ โจ ไบเดน ผู้สมัครประธานาธิบดีตัวเต็งของพรรคเดโมแครต
“จากคำแนะนำที่ผมได้รับมา และเนื่องจากรัฐบาลมีแผนทบทวนความช่วยเหลือที่มอบแก่ยูเครน จึงขอให้กระทรวงกลาโหมระงับพันธกิจในส่วนที่เกี่ยวกับเงินทุนเหล่านี้” ไมเคิล ดัฟฟีย์ เจ้าหน้าที่สำนักงานการจัดการและงบประมาณ ระบุในอีเมลที่ส่งถึงเจ้าหน้าที่เพนตากอน พร้อมย้ำว่าคำร้องดังกล่าวถือเป็น “เรื่องละเอียดอ่อน จึงขอให้แจ้งข้อมูลเฉพาะกับผู้ที่จำเป็นต้องทราบเท่านั้น”
อีเมลฉบับนี้ถูกระบุว่าส่งเมื่อเวลา 11.04 น. หรือเพียง 1 ชั่วโมง 31 นาทีหลังจากที่ ทรัมป์ วางสาย เซเลนสกี เมื่อวันที่ 25 ก.ค. ตามข้อมูลจากเอกสารสรุปบทสนทนาที่เผยแพร่โดยทำเนียบขาว
คนของพรรครีพับลิกันพยายามช่วยแก้ต่างให้ ทรัมป์ โดยระบุในรายงานของสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 2 ธ.ค. ว่า การชะลอความช่วยเหลือแก่ต่างชาตินั้น “ไม่ถือเป็นเรื่องแปลกอะไร”
รอน จอห์นสัน ส.ว.รีพับลิกันให้สัมภาษณ์ในรายการ This Week ทางสถานีโทรทัศน์เอบีซีว่า อีเมลเหล่านี้ “ไม่ได้ให้ข้อมูลใหม่ๆ” เกี่ยวกับเหตุผลที่ ทรัมป์ สั่งระงับความช่วยเหลือต่อยูเครน
“ท่านประธานาธิบดีก็แค่กังวลว่าเงินภาษีที่ชาวอเมริกันหามาได้อย่างยากลำบากจะถูกเอาไปใช้กับประเทศซึ่งมีการทุจริตคอร์รัปชัน” เขากล่าว
ด้าน ชัค ชูเมอร์ แกนนำ ส.ว.เดโมแครตเสียงข้างน้อย ระบุว่าอีเมลชุดนี้ให้ข้อมูลที่ “ฉาวโฉ่สุดๆ” และวิจารณ์ผู้นำสหรัฐฯ ที่ไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวบางคนเข้าให้การต่อสภา
“ถ้าคำสั่งระงับความช่วยเหลือไม่มีอะไรผิดปกติ เหตุใด ไมเคิล ดัฟฟีย์ ถึงต้องพยายามปกปิดไม่ให้ใครรู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่” ชูเมอร์ ทวีตข้อความวานนี้ (22) พร้อมชี้ว่านี่คือเหตุผลที่ ดัฟฟีย์ และเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ สมควรเข้าให้การต่อคณะกรรมการไต่สวนของวุฒิสภา
สภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติถอดถอน ทรัมป์ ออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 18 ธ.ค. ฐานใช้อำนาจโดยมิชอบ และขัดขวางการทำงานของสภาคองเกรส
แม้เจ้าหน้าที่ 17 คนจะให้การยืนยันว่า ทรัมป์ ใช้อำนาจประธานาธิบดีเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการเมือง แต่ผู้นำสหรัฐฯ วัย 73 ปี ยังคงปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และประณามการไต่สวนอิมพีชเมนต์ว่าเป็นแผนก่อ “รัฐประหาร” และ “โจมตีอเมริกา”
สำหรับกระบวนการไต่สวนถอดถอน ทรัมป์ ในชั้นวุฒิสภานั้นคาดว่าจะเริ่มในเดือน ม.ค. ปีหน้า