เรืองไกร จ่อร้อง กกต.สอบ ปารีณา แทรกแซงเจ้าหน้าที่รัฐ สอบที่ดินแม่ ธนาธร
งานเข้าตามรอยพ่อ! เรืองไกร จ่อร้อง กกต.สอบ ปารีณา แทรกแซงเจ้าหน้าที่รัฐ ปมสอบที่ดินแม่ ธนาธร
เว็บไซต์สยามรัฐรายงานว่านายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว. เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากกรมป่าไม้ ได้ส่งข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดการตรวจสอบที่ดินของแม่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ใน ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี มาให้คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ตามที่ตนในฐานะกรรมาธิการฯ ได้ร้องขอไปนั้น
นายเรืองไกร กล่าวต่อว่า กรมป่าไม้ได้ส่งเอกสารสรุปลำดับเหตุการณ์จัดตั้งป่าชุมชนหมู่ที่ 14 บ้านหนองน้ำใส ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี มาให้พิจารณาด้วย โดยในการประชุมเมื่อวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา มีความข้อ 9 ระบุไว้ว่า “9.ในการประชุมดังกล่าวมีนายอำเภอจอมบึง (นายประยงค์ จันทเต็ง) เป็นประธาน น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี เขต 3, รอง ผกก.ป.สร.จอมบึง, ปลัดอาวุโสอำเภอจอมบึง, ปลัดอำเภอจอมบึง, นายก อบต.รางบัว, สายตรวจจังหวัดราชบุรี กก. 5 บก.ปทส., ผู้แทนสำนักงานที่ดินจังหวัดราชบุรีสาขาจอมบึง, กำนัน, ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่จากศูนย์ป่าไม้ราชบุรี และชาวบ้านหมู่ 14 บ้านหนองน้ำใส ต.รางบัว อ.จอมบึง ร่วมประชุม
นายเรืองไกร กล่าวอีกว่า รายละเอียด ดังนี้ ชาวบ้านต้องการให้หน่วยงานภาครัฐเข้ามาดำเนินการตรวจสอบที่ดิน (หนังสือ นส.2 และ นส.3) ของนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ในพื้นที่ที่จะจัดตั้งป่าชุมชน จากการหารือร่วมกัน ทางอำเภอจอมบึงจะนำเรื่องราวดังกล่าวเข้าสู่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอจอมบึง เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมกันตรวจสอบตามขั้นตอนของทางราชการต่อไป
นายเรืองไกร กล่าวว่า ชุมชนบ้านหนองน้ำใส จะดำเนินการจัดตั้งป่าชุมชนในพื้นที่ที่สามารถดำเนินการได้ก่อน ส่วนพื้นที่ที่ชาวบ้านร้องเรียนให้รอผลการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนจึงจะดำเนินการต่อไป และ น.ส.ปารีณา แจ้งกับที่ประชุมว่าจะกำชับประสาน เร่งรัด การตรวจสอบดังกล่าวหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เพื่อที่จะให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าชุมชนได้เร็วขึ้น
นายเรืองไกร กล่าวต่อว่า ตามเอกสารการประชุมข้อ 9.ดังกล่าว มีกรณีที่ น.ส.ปารีณาได้เข้าร่วมประชุมและแจ้งกับที่ประชุมว่าจะกำชับ ประสาน เร่งรัด การตรวจสอบดังกล่าวหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เพื่อที่จะให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าชุมชนได้เร็วขึ้นนั้น จึงอาจเข้าข่ายเป็นการก้าวก่ายหรือแทรกแซงตามความในรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 185 (1) ตามมาได้
“จึงมีเหตุต้องขอให้ กกต.ตรวจสอบ น.ส.ปารีณา ว่าได้ใช้สถานะหรือตำแหน่งการเป็นสมาชิกสภาฯ กระทำการใด ๆ อันมีลักษณะที่เป็นการก้าวก่าย หรือแทรกแซงเพื่อประโยชน์ของตนเอง ของผู้อื่นหรือของพรรคการเมือง ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม ตามความในรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 185 (1) หรือไม่ หากมีจะเข้าข่ายทำให้สมาชิกภาพ ส.ส.ของน.ส.ปารีณาสิ้นสุดลงตามมาตรา 101 (7) หรือไม่ และในกรณีที่ กกต.เห็นว่าสมาชิกภาพ ส.ส. ของน.ส.ปารีณามีเหตุสิ้นสุดลง ขอให้ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยดำเนินการตามมาตรา 82 วรรคสี่ต่อไปโดยเร็วด้วย ทั้งนี้ ในวันที่ 23 ธ.ค.นี้ เวลาประมาณ 09.55 น. จะไปศูนย์ราชการอาคารบี เพื่อยื่นหนังสือให้ กกต. ตรวจสอบกรณี” นายเรืองไกร กล่าว