ส่อวุ่นอีก! ฝ่ายค้าน ลั่น ไม่ร่วมประชุมหากนับคะแนนใหม่ หลังขั้วรัฐบาลแพ้โหวต
ฝ่ายค้าน ยืนยันไม่ขอร่วมประชุมสภาฯ หากนับคะแนนใหม่อีกครั้ง หลังขั้วรัฐบาลแพ้โหวตตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาและผลกระทบจากการใช้ประกาศคำสั่งคสช.
เว็บไซต์พีพีทีวีรายงานว่า นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะ ประธานคณะกรรม ประสานงานการพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) เปิดเผยว่า ฝ่ายค้าน ยังยืนยันจะไม่ขอร่วมประชุมสภาฯหากมีการนับคะแนนใหม่อีกครั้ง มองว่าการนับคะแนนใหม่ด้วยการขานชื่อเมื่อตีความและก็คือการลงคะแนนใหม่ ซึ่งเมื่อวานแสดงจุดยืนแล้ว
วันนี้ก็จะแสดงจุดยืนเช่นเดิมคือไม่ร่วมประชุม พิจารณาตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาและผลกระทบจากการใช้ประกาศคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่ชาติ (คสช.) แต่ก็จะเข้าร่วมประชุมในวาระพิจารณาอื่นๆต่อไปตามปกติ
ส่วนจะเกิดปัญหาอย่างไรหรือไม่ให้ วิปรัฐบาลแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น และเชื่อว่าสามารถแก้ไขได้ ขอเอาใจช่วยให้มีการนับคะแนนใหม่ตามวิถีของฝ่ายรัฐบาลต่อไป
ส่วนกรณีที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ระบุว่า ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล สามารถเสนอขอรับคะแนนใหม่ได้หากคะแนนไม่ห่างกันเกิน 25 เสียง ซึ่งเป็นไปตามข้อบังคับ นายสุทินมองว่า ข้อบังคับนี้หากมีผู้เริ่มทำก็จะเป็นบรรทัดฐาน โดยเฉพาะฝ่ายรัฐบาลถ้าหากทำก่อน และต่อไปฝ่ายค้านทำบ้างก็จะเป็นปัญหาในระยะยาว ซึ่งวิธีการดังกล่าวฝ่ายค้านก็เคยคิดจะใช้เพียงแต่ว่าไม่ใช้เท่านั้นเอง
ต่อจากนี้เมื่อมีการลงมติคะแนนก็จะไม่ห่างกันเกิน 25 ไปทุกครั้ง ก็จะเป็นเหตุที่อ้างให้มีการนับคะแนนใหม่ได้อีก ทำให้มีความกังวลว่าหากรัฐบาลแพ้โหวตอีกครั้งต่อไปก็จะขอนับคะแนนใหม่อีก และ มองอีกว่าถึงแม้เขาบังคับระบุสามารถทำได้แต่ด้วยสามัญสำนึกและความรับผิดชอบก็ไม่ควรนำมาใช้
เมื่อถามถึงความชัดเจน ของฝ่ายค้าน ในการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล นายสุทินระบุว่า ยังอยู่ในการหารือของวิปฝ่ายค้าน ว่าจะมีการยื่นอภิปรายทันช่วงเดือนธันวาคมหรือไม่ เนื่องจากยังมีปัจจัยหลายอย่าง และ มีแนวโน้มที่จะถูกเลื่อนออกไปเป็นปลายเดือนม.ค. ยืนยันข้อมูลเพียงพอและพร้อมต่อการอภิปราย ส่วน รัฐมนตรีที่เป็นเป้าหมายในการอภิปราย ก็จะต้องดูกันอีกครั้ง
ส่วนปมขัดแย้งที่เกิดขึ้นในกรรมาธิการป.ป.ช. นายสุทินเปิดเผยว่า ได้หารือกับทางผู้ใหญ่ฝ่ายรัฐบาล ไปแล้วซึ่ง ผู้ใหญ่ฝ่ายรัฐบาลก็รับปาก จะดำเนินการรับผิดชอบแก้ไข เพื่อไม่ให้เกิดภาพลักษณ์ที่ไม่ดีต่อสภาผู้แทนราษฎร