“เซเว่น อีเลฟเว่น” ทดลองงดให้ถุงพลาสติก 137 สาขา ก่อนดี-เดย์ 1 ม.ค. 63
ซีพี ออลล์ ผู้ก่อตั้งร้านเซเว่น อีเลฟเว่นในประเทศไทย ขานรับนโยบายรัฐบาลงดให้บริการถุงพลาสติกทดลองจำนวน 137 สาขา เริ่ม 25 พฤศจิกายน 2562 พร้อมเชิญชวนคนไทยเลิกใช้ถุงพลาสติกลดปริมาณขยะเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
นายสุวิทย์ กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บมจ.ซีพี ออลล์ ผู้ก่อตั้งร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ในประเทศไทย กล่าวว่า หลังจากที่ซีพี ออลล์ ประกาศเจตนารมณ์ “รวมพลังคนไทย เลิกใช้ถุงพลาสติก”เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามนโยบายของรัฐบาลในการขับเคลื่อนการงดใช้ถุงพลาสติกเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
ซีพี ออลล์ จึงได้เริ่มประเดิมทดลองงดให้ถุงพลาสติก ในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น จำนวน 137 สาขา เริ่มวันที่ 25 พฤศจิกายน 2562 เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับประชาชน ก่อนงดให้ถุงพลาสติกทั่วประเทศในวันที่ 1 มกราคม 2563 ที่จะถึงนี้ โดยภายในร้านทั้ง137 สาขาจะกระจายอยู่ตามภูมิภาคต่างๆทั่วประเทศ ทั้งนี้ตามข้อมูลของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ระบุสินค้าผ่อนผันที่ยังสามารถใช้ถุงพลาสติกได้ อาทิ ของร้อน อาหารเปียก เนื้อสัตว์ และผลไม้
สำหรับร้านเซเว่น อีเลฟเว่น 137 สาขาที่ทดลอง จะมีสื่อประชาสัมพันธ์แจ้งให้ลูกค้าทราบพร้อมเชิญชวนลูกค้าพกถุงผ้าแทนถุงพลาสติก และหากท่านใดที่ไม่ได้นำถุงผ้ามาใส่สินค้า เซเว่น อีเลฟเว่น ก็ได้จัดเตรียมถุงผ้าคุณภาพดีจำหน่ายในราคาย่อมเยา และสำหรับร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ที่ตั้งอยู่ตามเกาะที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ก็มีจำหน่ายถุงกระดาษ เพื่อส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวและประชาชนในพื้นที่มีส่วนร่วมและช่วยกันขับเคลื่อนการลดและเลิกใช้ถุงพลาสติกนำไปสู่การสร้างพฤติกรรมใหม่ให้เกิดแนวคิดท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อย่างยั่งยืน สำหรับโครงการ “รวมพลังคนไทย เลิกใช้ถุงพลาสติก” ซีพี ออลล์ ยังคงนำเงินที่ได้จากการลดใช้ถุงพลาสติก ไปสมทบทุนซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง
“ซีพี ออลล์ ขอเชิญชวนพี่น้องชาวไทย รวมพลังร่วมกันลดการใช้ถุงพลาสติกตามนโยบายภาครัฐ ซึ่งถุงพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทั้งบนบกและในทะเล เป็นสาเหตุหนึ่งของภาวะโลกร้อน เพื่อให้สังคมได้ตื่นตัวและตระหนักถึงการมีส่วนร่วมในการรักษาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยซีพี ออลล์ มุ่งมั่นที่จะดำเนินโครงการเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมภายใต้โครงการ “7 Go Green” เพื่อพัฒนาชุมชนและสังคมควบคู่ไปกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน” นายสุวิทย์ กล่าวทิ้งท้าย