INFO: ปักหมุด15จว.ศาลพิพากษาคดี ป.ป.ช.ฟันทุจริตซื้อจ้างปี 61-นายกเทศมนตรี ติดคุก 6 ราย
จำแนกรายละเอียดคดีทุจริตจัดซื้อจ้างปี 61 ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดส่งอัยการฟ้องดำเนินคดีตามกม. ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พิพากษาแล้ว 19 คดี นายกเทศมนตรีตำบล มากสุด 6 ราย โครงการก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กมากสุด ปักหมุดพื้นที่เกิดเหตุ 15 จังหวัด 'กทม.-ปทุมธานี- ขอนแก่น- หนองบัวลำภู' นำแห่งละ 2 คดี
หากใครที่ติดตามการนำเสนอข้อมูลข่าวสารเพื่อประโยชน์สาธารณะ ของ สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org มาโดยตลอดจะพบว่า
มีการนำข้อมูลผลสรุปคำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาคต่างๆ ในคดีกล่าวหาบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่กระทำความผิด ซึ่งถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดและส่งเรื่องให้สำนักงานอัยการสูงสุด ยื่นฟ้องร้องคดีอาญาตามขั้นตอนทางกฎหมาย และมีการเผยแพร่ข้อมูลเป็นทางการผ่านทางเว็บไซต์สำนักงาน ป.ป.ช. https://www.nacc.go.th/more_news.php?cid=1856 มานำเสนออย่างต่อเนื่อง
แต่สาธารณชนอาจจะยังไม่ทราบว่า นับตั้งแต่ช่วงเดือน ส.ค. ถึง ธ.ค. 2561 ผลคำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาคต่างๆ ในคดีความที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด มีจำนวนมากกว่า 40 คดี ซึ่งในจำนวนนี้มีมากกว่า 19 คดี หรือคิดเป็น 47.5% ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการทุจริตจัดซื้อจัดจ้างโดยตรง
สำนักข่าวอิศรา ได้นำรายละเอียดข้อมูลคดีที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการทุจริตจัดซื้อจัดจ้างทั้ง 19 คดี มาจำแนกรายละเอียด ทำให้ได้รับทราบข้อมูลที่สนใจเพื่อเติม ดังต่อไปนี้
@ ตำแหน่งของผู้ถูกกล่าวหา
ในจำนวน 19 คดีทุจริตเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้าง มีจำนวนผู้ถูกกล่าวหาและถูกตัดสินความผิดทั้งหมด 57 ราย แบ่งแยก ตำแหน่งของผู้ถูกกล่าวหาในคดี ออกเป็น นายกเทศมนตรีตำบล 8 คน นายกองค์การบริหารส่วนตำบล 6 คน นายกเทศมนตรีเมือง 1 คน นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 คน ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ 1 คน และปลัดองค์การบริหารส่วนตำบล 1 คน กับพวก
เท่ากับว่า ตำแหน่ง นายกเทศมนตรีตำบล เป็นผู้ถูกกล่าวหาและถูกตัดสินความผิดมากที่สุด
@ ลักษณะงานหรือโครงการจัดซื้อจัดจ้าง
ทั้ง 19 คดี แบ่งเป็น คดีเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้าง สร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก 5 คดี ปรับปรุงภูมิทัศน์ 2 คดี รวมทั้ง ซื้อเศษ Sputtering target ชนิด Silver , ขุดคลองลำเลียง , ก่อสร้างอาคาร , ซื้อฝาบ่อพักเหล็ก , พัฒนาแหล่งท่องเที่ยว , สร้างดาดคอนกรีต , ก่อสร้างระบบประปา , ซื้อที่ดิน, ซื้อรถไมโครบัส , ก่อสร้างลานกีฬาอเนกประสงค์ อย่างละ 1 คดี และไม่ระบุว่าเป็นโครงการอะไร อีก 2 คดี
เท่ากับว่า งานสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก ถูกตรวจสอบพบปัญหาการทุจริตจัดซื้อจ้างมากที่สุด
@ พื้นที่จังหวัด
เมื่อแบ่งตามพื้นที่จังหวัด จะพบว่า มีอยู่ 15 จังหวัด คือ กรุงเทพฯ 2 คดี ปทุมธานี 2 คดี ขอนแก่น 2 คดี หนองบัวลำภู 2 คดี และเชียงราย ลำพูน นครราชสีมา สุรินทร์ อุบลราชธานี นครสวรรค์ ชัยนาท นครปฐม สมุทรปราการ ระนอง และนครศรีธรรมราช จังหวัดละ 1 คดี
เท่ากับว่า พื้นที่ กรุงเทพฯ ปทุมธานี ขอนแก่น หนองบัวลำภู เป็นพื้นที่ที่เกิดปัญหาการทุจริตจัดซื้อจ้างมากที่สุด
@ มาตราความผิด
สำหรับกฎหมายที่ใช้ในการตัดสินคดีทั้ง 19 คดี มีดังต่อไปนี้
ประมวลกฎหมายอาญา (ป.อ.)
มาตรา 83 ในการจับนั้น เจ้าพนักงานหรือราษฎรซึ่งทำการจับต้องแจ้งแก่ผู้ที่จะถูกจับนั้นว่าเขาต้องถูกจับ แล้วสั่งให้ผู้ถูกจับไปยังที่ทำการของพนักงานสอบสวนแห่งท้องที่ที่ถูกจับพร้อมด้วยผู้จับ เว้นแต่สามารถนำไปที่ทำการของพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบได้ในขณะนั้น ให้นำไปที่ทำการของพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบดังกล่าว แต่ถ้าจำเป็นก็ให้จับตัวไป
ในกรณีที่เจ้าพนักงานเป็นผู้จับ ต้องแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ถูกจับทราบ หากมีหมายจับให้แสดงต่อผู้ถูกจับ พร้อมทั้งแจ้งด้วยว่า ผู้ถูกจับมีสิทธิที่จะไม่ให้การหรือให้การก็ได้และถ้อยคำของผู้ถูกจับนั้นอาจใช้เป็นพยานหลักฐานในการพิจารณาคดีได้และผู้ถูกจับมีสิทธิที่จะพบและปรึกษาทนายความ หรือผู้ซึ่งจะเป็นทนายความ ถ้าผู้ถูกจับประสงค์จะแจ้งให้ญาติหรือผู้ซึ่งตนไว้วางใจทราบถึงการจับกุมที่สามารถดำเนินการได้โดยสะดวกและไม่เป็นการขัดขวางการจับหรือการควบคุมผู้ถูกจับหรือทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยแก่บุคคลหนึ่งบุคคลใด ก็ให้เจ้าพนักงานอนุญาตให้ผู้ถูกจับดำเนินการได้ตามสมควรแก่กรณี ในการนี้ให้เจ้าพนักงานผู้จับนั้นบันทึกการจับดังกล่าวไว้ด้วย
ถ้าบุคคลซึ่งจะถูกจับขัดขวางหรือจะขัดขวางการจับ หรือหลบหนีหรือพยายามจะหลบหนี ผู้ทำการจับมีอำนาจใช้วิธีหรือการป้องกันทั้งหลายเท่าที่เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งเรื่องในการจับนั้น
มาตรา 86 ผู้ใดกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดก่อนหรือขณะกระทำความผิด แม้ผู้กระทำความผิดจะมิได้รู้ถึงการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกนั้นก็ตาม ผู้นั้นเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด ต้องระวางโทษสองในสามส่วนของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดที่สนับสนุนนั้น
มาตรา 90 เมื่อการกระทำใดอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษแก่ผู้กระทำความผิด
มาตรา 91 เมื่อปรากฏว่าผู้ใดได้กระทำการอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ศาลลงโทษผู้นั้นทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป แต่ไม่ว่าจะมีการเพิ่มโทษ ลดโทษ หรือลดมาตราส่วนโทษด้วยหรือไม่ก็ตาม เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว โทษจำคุกทั้งสิ้นต้องไม่เกินกำหนดดังต่อไปนี้
(1) สิบปี สำหรับกรณีความผิดกระทงที่หนักที่สุดมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงไม่เกินสามปี
(2) ยี่สิบปี สำหรับกรณีความผิดกระทงที่หนักที่สุดมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกินสามปีแต่ไม่เกินสิบปี
(3) ห้าสิบปี สำหรับกรณีความผิดกระทงที่หนักที่สุดมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกินสิบปีขึ้นไป เว้นแต่กรณีที่ศาลลงโทษจำคุกตลอดชีวิต
มาตรา 151 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท
มาตรา 152 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใด เข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่น เนื่องด้วยกิจการนั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท
มาตรา 157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 161 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ทำเอกสาร กรอกข้อความลงในเอกสารหรือดูแลรักษาเอกสาร กระทำการปลอมเอกสารโดยอาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่นั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท
มาตรา 162 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ทำเอกสาร รับเอกสารหรือกรอกข้อความลงในเอกสาร กระทำการดังต่อไปนี้ในการปฏิบัติการตามหน้าที่
(1) รับรองเป็นหลักฐานว่า ตนได้กระทำการอย่างใดขึ้น หรือว่าการอย่างใดได้กระทำต่อหน้าตนอันเป็นความเท็จ
(2) รับรองเป็นหลักฐานว่า ได้มีการแจ้งซึ่งข้อความอันมิได้มีการแจ้ง
(3) ละเว้นไม่จดข้อความซึ่งตนมีหน้าที่ต้องรับจด หรือจดเปลี่ยนแปลงข้อความเช่นว่านั้น หรือ
(4) รับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้น มุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จ
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี และปรับไม่เกินหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท
มาตรา 264 ผู้ใดทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับหรือแต่ส่วนหนึ่งส่วนใด เติมหรือตัดทอนข้อความ หรือแก้ไขด้วยประการใด ๆ ในเอกสารที่แท้จริง หรือประทับตราปลอม หรือลงลายมือชื่อปลอมในเอกสาร โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ถ้าได้กระทำเพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานปลอมเอกสาร ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
ผู้ใดกรอกข้อความลงในแผ่นกระดาษหรือวัตถุอื่นใด ซึ่งมีลายมือชื่อของผู้อื่นโดยไม่ได้รับความยินยอม หรือโดยฝ่าฝืนคำสั่งของผู้อื่นนั้น ถ้าได้กระทำเพื่อนำเอาเอกสารนั้นไปใช้ในกิจการที่อาจเกิดเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือประชาชน ให้ถือว่าผู้นั้นปลอมเอกสาร ต้องระวางโทษเช่นเดียวกัน
มาตรา 268 ผู้ใดใช้หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากการกระทำความผิดตามมาตรา 264 มาตรา 265 มาตรา 266 หรือมาตรา 267 ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ต้องระวางโทษดังที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้น ๆ
ถ้าผู้กระทำความผิดตามวรรคแรกเป็นผู้ปลอมเอกสารนั้น หรือเป็นผู้แจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความนั้นเองให้ลงโทษตามมาตรานี้แต่กระทงเดียว
พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานภาครัฐ พ.ศ. 2542 (พ.ร.บ.ฮั้ว)
มาตรา 7 ผู้ใดใช้อุบายหลอกลวงหรือกระทำการโดยวิธีอื่นใดเป็นเหตุให้ผู้อื่นไม่มีโอกาสเข้าทำการเสนอราคาอย่างเป็นธรรมหรือให้มีการเสนอราคาโดยหลงผิด ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปี ถึงห้าปี และปรับร้อยละห้าสิบของจำนวนเงินที่มีการเสนอราคาสูงสุดระหว่างผู้ร่วมกระทำความผิดนั้นหรือของจำนวนเงินที่มีการทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐแล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า
มาตรา 8 ผู้ใดโดยทุจริตทำการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐโดยรู้ว่าราคาที่เสนอนั้นต่ำมากเกินกว่าปกติจนเห็นได้ชัดว่าไม่เป็นไปตามลักษณะสินค้าหรือบริการ หรือเสนอผลประโยชน์ตอบแทนให้แก่หน่วยงานของรัฐสูงกว่าความเป็นจริงตามสิทธิที่จะได้รับ โดยมีวัตถุประสงค์เป็นการกีดกันการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรมและการกระทำเช่นว่านั้น เป็นเหตุให้ไม่สามารถปฏิบัติให้ถูกต้องตามสัญญาได้ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปี ถึงสามปี และปรับร้อยละห้าสิบของจำนวนเงินที่มีการเสนอราคา หรือของจำนวนเงินที่มีการทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐแล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า
ในกรณีที่ไม่สามารถปฏิบัติให้ถูกต้องตามสัญญาได้ตามวรรคหนึ่ง เป็นเหตุให้หน่วยงานของรัฐต้องรับภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในการดำเนินการให้แล้วเสร็จตามวัตถุประสงค์ของสัญญาดังกล่าว ผู้กระทำผิดต้องชดใช้ค่าใช้จ่ายให้แก่หน่วยงานของรัฐนั้นด้วย
ในการพิจารณาคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ ถ้ามีการร้องขอ ให้ศาลพิจารณากำหนดค่าใช้จ่ายที่รัฐต้องรับภาระเพิ่มขึ้นให้แก่หน่วยงานของรัฐตามวรรคสองด้วย
มาตรา 9 ในกรณีที่การกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้เป็นไปเพื่อประโยชน์ของนิติบุคคลใด ให้ถือว่าหุ้นส่วนผู้จัดการ กรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารหรือผู้มีอำนาจในการดำเนินงานในกิจการของนิติบุคคลนั้น หรือผู้ซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลในเรื่องนั้น เป็นตัวการร่วมในการกระทำความผิดด้วย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนมิได้มีส่วนรู้เห็นในการกระทำความผิดนั้น
มาตรา 11 เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐผู้ใด หรือผู้ได้รับมอบหมายจากหน่วยงานของรัฐผู้ใด โดยทุจริตทำการออกแบบ กำหนดราคา กำหนดเงื่อนไข หรือกำหนดผลประโยชน์ตอบแทน อันเป็นมาตรฐานในการเสนอราคาโดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันในการเสนอราคาอย่างเป็นธรรม หรือเพื่อช่วยเหลือให้ผู้เสนอราคารายใดได้มีสิทธิเข้าทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐโดยไม่เป็นธรรม หรือเพื่อกีดกันผู้เสนอราคารายใดมิให้มีโอกาสเข้าแข่งขัน ในการเสนอราคาอย่างเป็นธรรม ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปี ถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิตและปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท
มาตรา 12 เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐผู้ใดกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ หรือกระทำการใด ๆ โดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้ออำนวยแก่ผู้เข้าทำการเสนอราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ มีความผิดฐานกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปี ถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท
โดยทั้ง 19 คดี เป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 มากสุด 17 คดี ตามด้วย มาตรา 151 จำนวน 6 คดี มาตรา 162 จำนวน 4 คดี มาตรา 86 , 152 ละ 3 คดี มาตรา 83 , 90 , 91 ละ 2 คดี และมาตรา 161 , 264 , 268 ละ 1 คดี
และความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานภาครัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 12 มากที่สุด 5 คดี ตามด้วยมาตรา 7 , 11 ละ 2 คดี และมาตรา 8 , 9 ละ 1 คดี
ทั้งหมดนี้ เป็นข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดที่ได้รับทราบจากการจำแนกคดีที่มีเนื้อหาการทุจริตจัดซื้อจัดจ้างทั้ง 19 คดี ตามที่กล่าวไว้เบื้องต้น ซึ่งนอกเหนือจากคดีในช่วงปี 2561 แล้ว ยังมีคดีจำนวนมากที่เกิดขึ้นในช่วงปี 2562 ด้วย รายละเอียดเป็นอย่างไรนั้น สำนักข่าวอิศรา จะนำมาเสนอให้รับทราบในตอนต่อไป
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/