เปิดคำพิพากษาฉบับเต็ม! ฟัน‘อุทัย สอนหลักทรัพย์’ ทำให้การเลือก ส.ว.ไม่สุจริต
เปิดคำพิพากษาฉบับเต็ม! เหตุผลศาลฎีกาสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ‘อุทัย สอนหลักทรัพย์’ ผู้สมัคร ส.ว. 10 ปี รู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิกรณีถูกพิพากษากระทําความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการ มีลักษณะต้องห้าม แต่ยังมาสมัคร ทำให้การเลือก ส.ว.ระยอง ไม่สุจริตเที่ยงธรรม
สืบเนื่องจาก สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า ศาลฎีกามีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2562 ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของนายอุทัย สอนหลักทรัพย์ อดีตสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา เป็นเวลาสิบปีนับแต่วันที่มีคําพิพากษา ตามคำร้องของ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)กรณีนายอุทัยเคยต้องคําพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทําความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการตามคําพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถือว่ากระทําการอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 14 (12) และมาตรา 74 (อ่านข่าว: ไม่รอด!ศาลฎีกาสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ‘อุทัย สอนหลักทรัพย์’ 10 ปี )
สำนักข่าวอิศรานำคำพิพากษามารายงานอย่างละเอียดดังนี้
@ยื่นสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา จังหวัดระยอง กลุ่มที่ 4
ผู้ร้องยื่นคําร้องว่า เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2561 มีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 และผู้ร้องมีประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง ลงวันที่ 19 พฤศจิกายน 2561 เรื่อง กําหนดวันเลือกและวันรับสมัครสมาชิกวุฒิสภา กําหนดวันเลือกระดับอําเภอวันที่ 16 ธันวาคม 2561 วันเลือกระดับจังหวัดวันที่ 22 ธันวาคม 2561 และวันเลือกระดับประเทศวันที่ 27 ธันวาคม 2561 ผู้คัดค้านเป็นผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา จังหวัดระยอง กลุ่มที่ 4 โดยยื่นใบสมัครพร้อมแสดงหนังสือแนะนําชื่อผู้สมัครจากองค์กรกลุ่มเกษตรกรทําสวนชุมแสง อําเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง ผู้ร้องได้รับรายงานกรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่าผู้คัดค้านกระทําการอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 14 (12) และมาตรา 74 กล่าวคือ ผู้คัดค้านมีลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาและรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา
@เคยถูกศาลตัดสินกระทําความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ นั่งปธ.กองทุนฯ
ผู้ร้องไต่สวนแล้วได้ความว่า ผู้คัดค้านเคยต้องคําพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทําความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการตามคําพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง คดีหมายเลขแดงที่ อท.(ผ) 23/2560 เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2560 ที่พิพากษาว่า ผู้คัดค้านมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 อันเป็นลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 14 (12) การที่ผู้คัดค้านรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา แต่ได้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา เป็นการกระทําอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 14 (12) และมาตรา74 เป็นเหตุให้การเลือกสมาชิกวุฒิสภา จังหวัดระยอง มิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม ผู้ร้องจึงมีคําสั่งให้ระงับสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้านไว้ชั่วคราวเป็นระยะเวลาหนึ่งปี ขอให้มีคําสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้านตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช2560 มาตรา 226 ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาพ.ศ. 2561 มาตรา 60 วรรคสอง
@อ้างมิใช่ความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา-มิได้เป็น ขรก.
ผู้คัดค้านยื่นคําคัดค้านว่า ผู้คัดค้านเคยดํารงตําแหน่งประธานคณะกรรมการบริหารกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ตามพระราชบัญญัติกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรพ.ศ. 2542 การที่ผู้คัดค้านเคยต้องคําพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทําความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการ ตามคําพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง คดีหมายเลขแดงที่ อท.(ผ)23/2560 เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2560 ที่พิพากษาว่า ผู้คัดค้านมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 นั้น มิใช่ความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 14 (12) เนื่องจากพระราชบัญญัติกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร พ.ศ. 2542 มาตรา 10 บัญญัติว่า “กองทุนไม่เป็นส่วนราชการ หรือรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ” ผู้คัดค้านจึงมิได้เป็นข้าราชการกรรมการในส่วนราชการ พนักงานราชการ ลูกจ้างหรือตําแหน่งที่เรียกชื่ออย่างอื่นในส่วนราชการใด ๆ ผู้คัดค้านจึงมิได้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาโดยรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ขอให้ยกคําร้อง
@ศาลฎีกาวินิจฉัย ‘มีลักษณะต้องห้าม’ทำให้การเลือก ส.ว.มิได้เป็นไปโดยสุจริต
ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งไต่สวนและตรวจสํานวนประชุมปรึกษาแล้ว ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า ผู้คัดค้านเป็นผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา จังหวัดระยอง กลุ่มที่ 4 โดยยื่นใบสมัครพร้อมแสดงหนังสือแนะนําชื่อผู้สมัครจากองค์กรกลุ่มเกษตรกรทําสวนชุมแสง อําเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง ผู้คัดค้านได้รับเลือกระดับอําเภอ และระดับจังหวัด แต่ไม่ได้รับเลือกในระดับประเทศ ก่อนประกาศผลการเลือกสมาชิกวุฒิสภา ผู้ร้องได้รับรายงานกรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่า ผู้คัดค้านเคยต้องคําพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทําความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการตามคําพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง คดีหมายเลขแดงที่ อท.(ผ) 23/2560 เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2560 ที่พิพากษาว่า ผู้คัดค้านมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 ผู้ร้องจึงมีคําสั่งให้ระงับสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้านไว้ชั่วคราวเป็นระยะเวลาหนึ่งปี ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 60 วรรคหนึ่ง
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า การที่ผู้คัดค้านเคยต้องคําพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทําความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการตามคําพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางคดีหมายเลขแดงที่ อท.(ผ) 23/2560 เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2560 ทําให้ผู้คัดค้านมีลักษณะต้องห้ามมิให้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 14 (12) และถือว่าผู้คัดค้านกระทําการเพื่อให้การเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม ตามมาตรา 20 หรือไม่
เห็นว่า พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 14 (12) บัญญัติให้ผู้ที่เคยต้องคําพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทําความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการ เป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา การที่ผู้คัดค้านเคยต้องคําพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทําความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการตามคําพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง คดีหมายเลขแดงที่ อท.(ผ) 23/2560 เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2560 ที่พิพากษาว่าผู้คัดค้านมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 จึงเป็นกรณีที่ผู้คัดค้านเป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 14 (12) ที่ผู้คัดค้านต่อสู้ว่ากองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรไม่เป็นส่วนราชการ การกระทําความผิดของผู้คัดค้านตามคําพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง คดีหมายเลขแดงที่ อท.(ผ) 23/2560ไม่ถือว่าผู้คัดค้านเป็นผู้ที่เคยต้องคําพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทําความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการนั้น แม้พระราชบัญญัติกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร พ.ศ. 2542 มาตรา10 บัญญัติให้กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรไม่เป็นส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณก็ตาม แต่มาตรา 37 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวบัญญัติไว้ชัดแจ้งว่า ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้กรรมการ กรรมการบริหาร เลขาธิการ และพนักงานเจ้าหน้าที่ เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา เมื่อผู้คัดค้านเป็นประธานคณะกรรมการบริหารกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ผู้คัดค้านจึงมีสถานะเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา และเมื่อผู้คัดค้านต้องคําพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทําความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการ ตามคําพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง คดีหมายเลขแดงที่ อท.(ผ) 23/2560 ผู้คัดค้านย่อมเป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 14 (12) การที่ผู้คัดค้านสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้งกําหนดวันเลือกระดับอําเภอวันที่ 16 ธันวาคม 2561วันเลือกระดับจังหวัดวันที่ 22 ธันวาคม 2561 และวันเลือกระดับประเทศวันที่ 27 ธันวาคม2561 ทั้งที่ผู้คัดค้านต้องคําพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทําความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการตามคําพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง คดีหมายเลขแดงที่ อท.(ผ) 23/2560 เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2560 จึงเป็นกรณีที่ผู้คัดค้านรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกเพราะมีลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา แต่ยังสมัครเข้ารับการเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาทําให้การเลือกสมาชิกวุฒิสภาในระดับอําเภอและระดับจังหวัดมีผู้ที่มีลักษณะต้องห้ามเข้าไปรับการเลือกด้วย การกระทําของผู้คัดค้านจึงเป็นการทําให้การเลือกสมาชิกวุฒิสภา จังหวัดระยองมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม
@ฟันฉับเพิกถอนสิทธิ 10 ปี
ประเด็นที่ต้องวินิจฉัยต่อไปว่า ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งจะต้องสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้าน หรือไม่ เห็นว่า ในกรณีที่ก่อนประกาศผลการเลือกสมาชิกวุฒิสภาผู้สมัครรับเลือกผู้ใดกระทําให้การเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม และคณะกรรมการการเลือกตั้งสั่งระงับสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้นไว้เป็นการชั่วคราว ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 225 เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งยื่นคําร้อง ต่อศาลฎีกาเพื่อสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นตามมาตรา 226 วรรคหนึ่ง และศาลฎีกาพิพากษาว่าผู้นั้นกระทําความผิดตามที่ถูกร้อง มาตรา 226 วรรคสาม ให้ศาลฎีกาสั่ง เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นเป็นเวลาสิบปี ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาด้วย และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 60 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “ก่อนประกาศผลการเลือก ถ้ามีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าผู้สมัครผู้ใดกระทําการใดหรือรู้เห็นกับการกระทําของบุคคลอื่น อันทําให้การเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม ให้คณะกรรมการสั่งระงับสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้นไว้เป็นการชั่วคราวเป็นระยะเวลาไม่เกินหนึ่งปี คําสั่งของคณะกรรมการให้เป็นที่สุด” และวรรคสอง บัญญัติว่า เมื่อคุณะกรรมการมีคําสั่งตามวรรคหนึ่ง ให้ยื่นคําร้องต่อ ศาลฎีกาเพื่อสั่งให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้น”ดังนี้
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ก่อนประกาศผลการเลือกสมาชิกวุฒิสภา ผู้คัดค้านกระทําให้การเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรมตามที่ถูกร้อง ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งย่อมต้องสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้านตามคําขอของผู้ร้องด้วย ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 226วรรคสาม ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 60 วรรคสอง
พิพากษาให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของนายอุทัย สอนหลักทรัพย์ ผู้คัดค้านเป็นเวลาสิบปีนับแต่วันที่มีคําพิพากษา
อ่านประกอบ:
ขอความเป็นธรรม!ผู้สมัคร ส.ว.ระยองแจงถูก กกต.ฟันปมโดนคำพิพากษาศาล-คิดว่าคดีถึงที่สุดแล้ว
ถูกศาลคดีทุจริตฯพิพากษาแต่ยังมาสมัคร ส.ว.! กกต.ฟันผิดอาญา-โทษสูงสุดคุก 10 ปี
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/