เปิดตัว'โออาร์'เรือธงใหม่ ปตท.เผยผลกำไร7พันลบ.เดินหน้าธุรกิจน้ำมัน-ค้าปลีกสู่ระดับอาเซียน
บอร์ด โออาร์เผยผลกำไร ปี 2561 ที่ผ่านมา ยอดขายกว่า 500,000 ล้านบาท กำไรกว่า 7,800 ล้านบาท วางเป้าหมายให้แบรนด์คนไทยออกสู่สายตาระดับอาเซียน พร้อมเน้นพัฒนาพลังงานควบคู่ประโยชน์สังคม
เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2562 บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือโออาร์ จัดงานแถลงข่าว “TOGETHER FOR BETTERMENT: รวมพลัง ร่วมสร้าง เพื่อทุกวันที่ดีขึ้น” เพื่อเปิดตัวโออาร์อย่างเป็นทางการ โดยมีนายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานกรรมการ นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ และผู้บริหาร โออาร์ ร่วมให้การต้อนรับ ณ เกสร เออร์เบิน รีสอร์ท กรุงเทพฯ
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานกรรมการโออาร์ กล่าวว่า โออาร์แยกออกมาจากพีทีทีเนื่องจากมีเป้าหมายเพื่อความคล่องตัวทางธุรกิจ มีจุดมุ่งหายเพื่อพัฒนา สร้างความมั่นคงไปกับพลังงานของประเทศไทย กลุ่มปตท. พยายามเข้ามาดูแลสังคมให้ควบคู่กับธุรกิจ เนื่องจาก 80% ของกลุ่มธุรกิจเป็นภาคของ SME เข้ามาดำเนินการ
โดยเปิดเผยกำไรโออาร์ ปี 2561 ที่ผ่านมา มียอดขายกว่า 500,000 ล้านบาท กำไรกว่า 7,800 ล้านบาท ผลกำไรอาจจะไม่สูงมากนัก แต่เมื่อเทียบกับธุรกิจภายในอุตสาหกรรมเดียวกันกำไรมากกว่าเท่าตัว
“เป้าหมายในอนาคตต้องการให้แบรนด์คนไทย เช่น คาเฟ่อเมซอน หรือธุรกิจค้าปลีกต่างๆ ที่พัฒนาควบคู่และเป็นแบรนด์คู่ค้าไปกับโออาร์ นอกจากจะเป็นที่รู้จัก 60 ล้านคนในประเทศแล้ว ต้องก้าวต่อไปเป็นที่รู้จัก 600 ล้านคนในอาเซียน” นายอรรถพลกล่าว
โออาร์ ประกอบด้วยธุรกิจหลัก 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มธุรกิจน้ำมัน กลุ่มธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่น ๆ (Non-Oil) และกลุ่มธุรกิจต่างประเทศ โดยมีกลุ่มธุรกิจสนับสนุนช่วยผลักดันให้ 3 กลุ่มธุรกิจหลัก สามารถดำเนินธุรกิจให้บรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับกลุ่มธุรกิจน้ำมัน โออาร์ ครองส่วนแบ่งตลาดรวมน้ำมันเป็นอันดับ 1 ในประเทศมาอย่างยาวนานกว่า 26 ปี โดยมีธุรกิจที่โดดเด่น ได้แก่ สถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น (PTT Station) ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนสถานีบริการน้ำมันฯ ทั่วประเทศกว่า 1,850 แห่ง ผลิตภัณฑ์หล่อลื่น ภายใต้แบรนด์ พีทีที ลูบริแคนท์ส (PTT Lubricants) ที่มียอดขายเป็นอันดับ 1 ในประเทศอย่างต่อเนื่องถึง 10 ปี และส่งออกไปจำหน่ายแล้วกว่า 40 ประเทศทั่วโลก การจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ให้กับลูกค้ากลุ่มอากาศยาน เรือขนส่ง และอุตสาหกรรม การจำหน่ายก๊าซปิโตรเลียมเหลว (Liquefied Petroleum Gas: LPG) ให้กับลูกค้าภาคอุตสาหกรรม ภาคขนส่ง และภาคครัวเรือน ภายใต้แบรนด์ ก๊าซหุงต้ม ปตท. โดยมุ่งเน้นเรื่องความปลอดภัยเป็นหัวใจสำคัญ
สำหรับกลุ่มธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่น ๆ (Non-Oil) โออาร์ คือ ผู้บุกเบิกธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่น ๆ (Non-Oil) ภายในสถานีบริการน้ำมันฯ เป็นรายแรกของประเทศ โดยมีร้านกาแฟ คาเฟ่ อเมซอน (Café Amazon) ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี โดยปัจจุบันมีจำนวนสาขาภายในประเทศรวมกว่า 2,800 สาขา นอกจากนี้ โออาร์ ยังได้นำธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่น ๆ (Non-Oil) มาเพิ่มความหลากหลาย
เติมเต็มความสมบูรณ์ของผลิตภัณฑ์และบริการ อาทิ ร้านค้าสะดวกซื้อจิฟฟี่ ชานมไข่มุกเพิร์ลลี่ ที เท็กซัส ชิคเก้น ฮั่วเซ่งฮง ติ่มซำ ศูนย์บริการยานยนต์ ฟิต ออโต้ (FIT Auto) ฯลฯ อีกทั้งยังมีบัตรพีทีที บลูการ์ด (PTT Blue Card) เป็นกลไกสำคัญในการสร้างความผูกพันและนำไปสู่การออกแบบเพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ผู้บริโภคเป็นการรายบุคคล (Individualized Customer Experience) ผ่านเทคโนโลยีการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก (Big Data Analytics)
สำหรับกลุ่มธุรกิจต่างประเทศ โออาร์ นำรูปแบบทางธุรกิจที่ประสบความสำเร็จภายในประเทศ ได้แก่ สถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ร้านกาแฟ คาเฟ่ อเมซอน ร้านค้าสะดวกซื้อจิฟฟี่ และศูนย์บริการยานยนต์ ฟิต ออโต้ ไปต่อยอดโดยปรับเปลี่ยนรูปแบบให้เหมาะกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้บริโภคในแต่ละประเทศ อีกทั้งยังได้นำผู้ประกอบการธุรกิจเอสเอ็มอีไทย (SMEs) ไปขยายธุรกิจ สร้างการเติบโตร่วมกันในต่างประเทศ ปัจจุบัน โออาร์ มี สถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ในประเทศ ลาว กัมพูชา ฟิลิปปินส์ และเมียนมา รวมกว่า 280 แห่ง ร้านกาแฟ คาเฟ่ อเมซอน ในประเทศ ลาว กัมพูชา ฟิลิปปินส์ เมียนมา สิงคโปร์ มาเลเซีย จีน ญี่ปุ่น และโอมาน รวมกว่า 200 สาขา ร้านค้าสะดวกซื้อจิฟฟี่ กว่า 70 สาขา รวมถึงศูนย์บริการยานยนต์ ฟิต ออโต้ อีกด้วย
โออาร์ ดำเนินธุรกิจโดยนำความต้องการของลูกค้ามาเป็นศูนย์กลาง (Customer Focus) และใช้แนวคิด โซเชียล อินคลูซีฟเนส (Social Inclusiveness) เปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มโดยเฉพาะสังคมชุมชนและเอสเอ็มอีไทย ได้มีส่วนร่วมในการออกแบบรูปแบบธุรกิจเพื่อร่วมกันสร้างประโยชน์ให้เกิดขึ้นในทุกพื้นที่
ทิศทางการดำเนินธุรกิจของ โออาร์ เป็นไปตามแนวทางบีซีจี (BCG: Bio-Economy Circular-Economy Green-Economy) ซึ่งหมายถึงเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว โออาร์ เป็นผู้นำการจำหน่ายน้ำมันดีเซล บี 10 ให้เป็นน้ำมันดีเซลชนิดหลักของประเทศ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนปาล์ม และช่วยลดฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 การใช้แก้วกระดาษเคลือบพลาสติคชีวภาพ แก้วพลาสติกและหลอดที่ทำจากพืช ของร้านกาแฟ คาเฟ่ อเมซอน โครงการ แยก แลก ยิ้ม ร่วมสร้างจิตสำนึกในการรักษาสิ่งแวดล้อม เชิญชวนผู้บริโภคให้แยกขยะ และนำไปขายเพื่อนำรายได้มาสร้างประโยชน์ให้กับสังคมชุมชน ร้านกาแฟ คาเฟ่ อเมซอน อัพไซคลิ่ง (Café Amazon Up-Cycling) นำวัสดุเหลือใช้ภายในร้านกาแฟ คาเฟ่ อเมซอน มาแปรรูปให้เป็นเฟอร์นิเจอร์ ของใช้ และวัสดุตกแต่งภายในร้าน การใช้ถุงกระดาษแทนถุงพลาสติกในร้านกาแฟ คาเฟ่ อเมซอน การริเริ่มสถานีบริการ อีวี ชาร์จจิ้ง (EV Charging Station) การจำหน่ายเครื่องชาร์จแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (EV Car Charger) การผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ด้วยแผงโซล่าเซลล์ (Solar Cell) บนหลังคาเกาะจ่ายสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น
นอกจากนี้ โออาร์ ยังมุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจชุมชน โดยร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรจัดตั้ง โครงการไทยเด็ด ส่งเสริมผลิตภัณฑ์ กระเป๋าสานกระจูด กระเทียมดำ ผัดไทยภูเขาไฟ ฯลฯ นอกจากนี้ ยังได้ร่วมพัฒนาโครงการวิจัยและพัฒนาการปลูกและการผลิตกาแฟระบบอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โครงการรับซื้อเมล็ดกาแฟดิบจากเกษตรกร ช่วยให้เกิดการสร้างงานของประเทศกว่า 85,000 อัตรา และช่วยส่งเสริมเอสเอ็มอีไทยกว่า 3,800 ราย
นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่โออาร์ กล่าวว่า โครงสร้างของธุรกิจโออาร์สมบูรณ์มาตั้งแต่เริ่มแยกตัวออก เนื่องจากมีบุคลากรที่มีความชำนาญระดับมืออาชีพ และมีผู้ทรงความรู้ส่งต่อมารุ่นต่อรุ่น
ด้านการการทำงานสามารถตรวจสอบได้อย่างโปร่งใส โออาร์วางแบบแผนแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทนแก่คณะกรรมการอย่างเหมาะสมจึงไม่เกิดความไม่เป็นธรรมเกิดขึ้น เมื่อฝ่ายตรวจสอบภายในมองเห็นความผิดปกติเกิดขึ้นจะรายงานไปที่ประธานเจ้าหน้าที่บริหารโดยตรง ไม่สามารถผ่านหัวหน้าฝ่ายต่างๆ ได้ รูปแบบเพื่อต้องการปรับเพื่อให้เกิดความโปร่งใสมากที่สุด
โดยวิสัยทัศน์ของโออาร์ ระบุชัดเจน “แบรนด์ไทยชั้นนำระดับโลก ที่สร้างคุณค่าให้กับชุมชน ผ่านการดำเนินการธุรกิจน้ำมัน ธุรกิจค้าปลีก และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง”
พันธกิจ “ดำเนินธุรกิจน้ำมัน ธุรกิจค้าปลีกสินค้า และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องทั้งในและต่างประเทศ ในฐานะบริษัทชั้นนำระดับสากลที่สร้างคุณค่าและการมีส่วนร่วมให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม”
อีกสี่สิ่งที่สะท้อนตัวตนความเป็นโออาร์ 1. ใส่ใจดูแล คำนึงถึงความรู้สึกผู้อื่น 2. เข้าถึงง่ายเพราะต้องการให้ทุกคนสามารถสะท้อนความคิดเห็นเพื่อปรับปรุงการทำงานให้ดีขึ้น 3.สร้างคนให้มีความเป็นมืออาชีพเพื่อหาทิศทางธุรกิจต่อยอด และสุดท้าย 4. โปร่งใส สามารถตรวจสอบได้เพื่อความไว้ใจของทุกคน
นอกจากนั้นในอนาคตโออาร์จะพัฒนาธุรกิจด้านน้ำมันในสัดส่วน 70% ให้เกิดความเข้มแข็งเพื่อให้เกิดรายได้ไปพัฒนาธุรกิจเฟรนไชส์ควบคู่ 30% เนื่องจากเล็งเห็นว่าตัวแทนผู้ประกอบการจะสามารถเติบโต อีกทั้งเป็นการเพิ่มการจ้างงานและก่อเกิดรายได้ให้กับแรงงานในสังคมอีกด้วย