รมว.ยุติธรรมญี่ปุ่นลาออก หลังถูกแฉ 'แจกของให้ประชาชน'
นายคัตสึยุกิ คาวาอิ ลาออกจากตำแหน่งรมว.กระทรวงยุติธรรมญี่ปุ่น หลังถูกสื่อรุมแฉว่าแจกของให้ประชาชน ถือเป็นการ "ละเมิดกฎหมายการเลือกตั้ง" เพียงสัปดาห์เดียวหลังรมว.กระทรวงการค้าลาออกด้วยเหตุผลเดียวกัน
เว็บไซต์ www.dailynewsco.th รายงานว่าสำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโตเดียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 31 ต.ค. ว่านายคัตสึยุกิ คาวาอิ แถลงเมื่อวันพฤหัสบดี ลาออกจากตำแหน่งรมว.กระทรวงยุติธรรมของญี่ปุ่น "เพื่อแสดงความรับผิดชอบ" ต่อรายงานของสื่อใหญ่หลายแห่ง ว่าเขาแจกข้าวโหดและมันฝรั่งให้กับประชาชนในเขตเลือกตั้งของเขาที่จังหวัดฮิโรชิมะ และการที่ภรรยาของเขา คือนางอันริ คาวาอิ ซึ่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสังกัดพรรคเสรีประชาธิปไตย ( แอลดีพี ) ที่เป็นพรรคแกนนำรัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ กระทำการ "ละเมิดกฎหมายการเลือกตั้ง" ด้วยการจ่ายค่าตอบแทนให้กับทีมงานหาเสียงในจำนวนเกินกว่าที่กฎหมายอนุญาต
ทั้งนี้ คาวาอิไม่ได้กล่าวยอมรับหรือปฏิเสธรายงานของสื่อ แต่กล่าวว่าการตัดสินใจของเขาคือเพื่อรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของกระบวนการยุติธรรม และเพื่อรักษาความเชื่อมั่นของประชาชนต่อรัฐบาล ในขณะที่หน่วยงานเกี่ยวข้องดำเนินการสืบสวนสอบสวนเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าภรรยาของคาวาอิจะลาออกจากตำแหน่งด้วยหรือไม่
นายอิชชุ ซึงาวาระ แถลงลาออกจากตำแหน่งรมว. กระทรวงเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม และการค้า เมื่อวันที่ 25 ต.ค. ที่ผ่านมา
ในอีกด้านหนึ่ง ผู้นำญี่ปุ่นแถลงขออภัยอย่างสูงสุดต่อประชาชน กล่าวว่าเป็นความผิดพลาดของเขาเอง เนื่องจากรัฐมนตรีทุกคนล้วนมาจากการคัดเลือกด้วยตัวเขาเอง และการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งล่าสุดเกิดชึ้นเมื่อเดือนที่แล้ว หมายความว่าคาวาอิปฏิบัติหน้าที่ได้เพียงประมาณ 1 เดือน ยิ่งไปกว่านั้น การลาออกของคาวาอิเกิดขึ้นเพียงสัปดาห์เดียว หลังนายอิชชุ ซึงาวาระ ลาออกจากตำแหน่งรมว. กระทรวงเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม และการค้า หลังถูกสื่อใหญ่หลายแห่งรุมแฉว่า "ละเมิดกฎหมายการเลือกตั้ง" ด้วยการแจกของราคาแพงให้แก่ประชาชนในเขตเลือกตั้งที่กรุงโตเกียว และมอบเงิน "ค่าทำขวัญ" ช่วยการจัดงานศพของครอบครัวของหนึ่งในผู้สนับสนุน
อนึ่ง กฎหมายการเลือกตั้งของญี่ปุ่นระบุชัดเจนว่า ห้ามนักการเมืองรับ "ของขวัญ" จากประชาชน และ "มอบสิ่งของ" ให้แก่ประชาชน ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงการเลือกตั้งหรือไม่ก็ตาม และสิ่งของนั้นรวมถึงเงินด้วย ซึ่งผู้ที่ฝ่าฝืนอาจต้องชำระค่าปรับสูงถึง 500,000 เยน ( ราว 138,854.67 บาท )