8 :32 :26 ล.! ทรัพย์สิน‘ตู่-เต้น-เหวง’ในบัญชีฯป.ป.ช. ก่อนศาลสั่งชดใช้ 60 ล.คดีเผาตึก
พลิกทรัพย์สิน ‘จตุพร-ณัฐวุฒิ-น.พ.เหวง’ 3 แกนนำ นปช. ในบัญชีทรัพย์สิน ป.ป.ช. ก่อนผจญวิบากกรรม ศาลฎีกาสั่งชดใช้ 21 ล.คดีเผาตึกย่านอนุเสาวรีย์ฯ -อาคารถนนราชปรารถ ‘เต้น’มากกว่า 30 ล. เหนือ ‘ตู่ เมียเจ้าของธุรกิจด้วย
สืบเนื่องจาก นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กับพวก ถูกศาลฎีกามีคำพิพากษาให้ชดใช้เงินแก่ผู้เสียหายอันเนื่องจากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง 2 คดีในช่วงปี 2553
คดีแรก วันที่ 25 ส.ค. 2562 ศาลแพ่งอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีเกี่ยวกับการวางเพลิงเผาทรัพย์ช่วงระหว่างการชุมนุมของกลุ่ม นปช. เมื่อปี 2553 โดยมีนางนุชทิพย์ บรรจงศิลป์ นายสิริเชษฐ์ สุขประสงค์ดี นางมนัสนันท์ สุขประสงค์ดี และบริษัทยูแอลซี ซอฟแวร์ เป็นโจทก์ที่ 1-4 ฟ้องจำเลย 11 คน ประกอบด้วย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ, นายสุเทพ เทือกสุบรรณ, กระทรวงการคลัง, กระทรวงกลาโหม กองทัพบก, นายจตุพร พรหมพันธุ์, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง, นายทักษิณ ชินวัตร, กรุงเทพมหานคร และม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร โดยโจทก์ฟ้องว่าได้รับความเสียหายจากการวางเพลิงเผาอาคาร จำนวน 3 คูหา ตั้งอยู่ที่บริเวณถนนราชปรารถ กรุงเทพมหานคร ในช่วงระยะเวลาที่มีการชุมนุมของกลุ่ม นปช. เรียกค่าเสียหายทั้งสิ้น 385,920,800 บาท ศาลชั้นต้นไม่รับฟ้องนายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ และ กทม. ส่วนจำเลยคนอื่นยกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ศาลฎีกาพิพากษากลับให้นายจตุพร นายณัฐวุฒิ และนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง ชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ที่ 1 เป็นเงิน 1,347,000 บาท และให้ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ที่ 2-3 เป็นเงิน 12 ล้านบาท และชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ที่ 4 เป็นเงิน 6 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี
คดีที่สอง เมื่อวันที่ 16 ต.ค. 2562 ศาลฎีกามีคำพากษาให้ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และ นพ.เหวง โตจิราการ ร่วมกันชำระค่าอาคารพาณิชย์ที่พิพากษาพร้อมทรัพย์สินที่โจทก์นายประสงค์ กังวาฬวัฒนา เสียหาย จำนวน 21,356,650 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 20 พ.ค. 2553 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับค่าขาดผลประโยชน์ 1,200,000 บาท เดือนละ 100,000 บาท นับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 18 พ.ค. 2554) เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระค่าอาคารพาณิชย์ที่พิพากษาพร้อมทรัพย์สินที่โจทก์เสียหายเสร็จแก่โจทก์ แต่ทั้งนี้ ให้เสียค่าเสียหายได้ไม่เกิน 24 เดือน ให้จำเลยที่ 8-10 ร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลแทนโจทก์ เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้แทนทรัพย์สินโจทก์ชนะคดี โดยกำหนดค่าทนายความรวม 100,000 บาท. อันเนื่องมาจากการที่เจ้าหน้าที่รัฐทำการสลายการชุมนุม นปช. ที่ชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2553 ต่อมาเกิดเหตุการณ์เผาอาคารในหลายจุดทั่วกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยสำนวนนี้เป็นการฟ้องเรียกค่าเสียหายกรณีเผาอาคารพาณิชย์ย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ใกล้อาคารห้างสรรพสินค้าเซ็นเตอร์วัน และอาคารดอกหญ้า (อ่านประกอบ: อีกคดี! ฎีกาสั่ง‘ตู่-เต้น-เหวง’ชดใช้ 21.3 ล.เผาอาคารย่านอนุสาวรีย์ชัยฯช่วงม็อบแดง)
กรณีถ้าต้องชดใช้ค่าเสียหายตามคำพิพากษา ลองมาย้อนดูทรัพย์สินของ นายจตุพร นายณัฐวุฒิ และนายแพทย์เหวง เป็นเครื่องเคียงกัน
ทรัพย์สินจตุพร
ตอนเข้ารับตำแหน่ง ส.ส. วันที่ 22 มกราคม 2551 นายจตุพรมีทรัพย์สินตามที่แจ้งต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) จำนวน 8,050,892.2 บาท แบ่งเป็น
เงินฝาก 5 บัญชี 2,599,939.46 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง บ้านเลขที่ 99/92 หมู่ 4 แขวงคลองถนน เขตสายใหม่ กรุงเทพฯ 2,700,000 บาท ยานพาหนะ รถยนต์ 2 คัน คันแรก หมายเลขทะเบียน สอ.2535 กรุงเทพมหานคร 1,750,800 บาท คันที่ 2 หมายเลขทะเบียน ชศ.2535 กรุงเทพมหานคร มูลค่า 999,312 บาท รวมมูลค่า 2,750,122 บาท ไม่มีทรัพย์สินอื่น
หนี้สิน เงินกู้จากธนาคารและสถาบันการเงินอื่น 2,750,112 บาท (น่าสังเกตว่าหนี้สินมีจำนวนเท่ากับมูลค่ารถยนต์)
บุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ (แจ้งว่านอกสมรส) 1 คน เพศหญิง (ขณะอายุ 8 ปี ที่อยู่แจ้งว่า 31/1 หมู่ที่ 77 ซอยริมคลองบางกอกน้อย แขวงศิราราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ) มีเงินฝาก ธนาคารออมสิน 1 บัญชี 840.96 บาท
เบ็ดเสร็จมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 5,300,780.2 บาท
@ นายจตุพร พรหมพันธุ์
ตอนพ้นตำแหน่งวันที่ 10 พฤษภาคม 2554 นายจตุพรแจ้งว่า มีทรัพย์สิน 8,176,354.48 บาท แบ่งเป็น
เงินฝาก 5 บัญชี 3,806,354.48 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง บ้านเลขที่ 99/92 หมู่ 4 แขวงคลองถนน เขตสายใหม่ กรุงเทพฯ (24 ตรว.) 2,700,000 บาท ยานพาหนะ รถยนต์ 2 คัน คันแรก หมายเลขทะเบียน สอ.2535 กรุงเทพมหานคร 800,000 บาท คันที่ 2 หมายเลขทะเบียน ชศ.2535 กรุงเทพมหานคร มูลค่า 870,000 บาท รวมมูลค่า 1,670,000 บาท (น่าสังเกตว่า 4 ปี รถยนต์ราคาลดลง 1,080,122 บาท - คันแรกลดลง 950,800 บาท คันที่ 2 ลดลง 129,312 บาท ) ไม่มีทรัพย์สินอื่น ไม่มีหนี้สิน
บุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ (แจ้งว่านอกสมรส 2 คน) มีเงินฝาก ธนาคารออมสิน 1 บัญชี 4,665.31 บาท (แจ้งว่ามีบุตรนอกสมรสที่เพิ่มขึ้นมาอีก 1 คนชื่อ เพศชายอายุ 1 ขวบ ที่อยู่ทะเบียนบ้านกลาง 2 ถนนประชาอุทิศ แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ )
เปรียบเทียบการยื่นบัญชีฯ 2 ครั้ง (ครั้งแรกกับครั้งที่สอง) มียอดทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน เพิ่มจากตอนเข้ารับตำแหน่ง 2,880,239 บาท
กรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.ส. ซึ่งได้รับเลือกตั้งเมื่อ 3 กรกฎาคม 2554 ป.ป.ช. เปิดเผย เมื่อวันที่ 28 ก.ย. 2554 นายจตุพรมีทรัพย์สิน 8,224,825บาท แบ่งเป็นเป็นเงินฝากธนาคาร 6 บัญชี 3,849,639.98 บาท (ไม่รวมของบุตร 1 บัญชี) ยานพาหนะ 2 คัน คือ Toyota Camry และ Toyota Hilux ราคา 1,670,000 และ บ้าน 1 หลัง ราคา 2,700,000 ล้านบาท ไม่มีหนี้สิน (ดูตาราง)
ครั้งล่าสุดกรณีพ้นตำแหน่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ครบ 1 ปี วันที่ 9 พฤษภาคม 2555 (พ้นตำแหน่ง ส.ส.สมัยแรก) มีทรัพย์สิน 7,999,338.10 บาท ประกอบด้วย เงินฝาก 3,722,926.86 บาท ที่ดิน 1 แปลง เนื้อที่ 0-0-24 ไร่ (ที่ตั้งของบ้าน) บ้าน 1 หลัง มูลค่า 2,700,000 (รวมที่ดิน)รถยนต์ 2 คัน มูลค่า 1,570,000 บาท อาวุธปืน 4 กระบอก ไม่ระบุมูลค่า ไม่มีหนี้สิน บุตรไม่บรรลุนิติภาวะ มีเงินฝาก 6,411.24 บาท
เห็นได้ว่า ทรัพย์สินของนายจตุพรเฉลี่ยอยู่ที่ 7-8 ล้านบาท
ทรัพย์สินณัฐวุฒิ
ในช่วงเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (23 ม.ค. 55) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แจ้งว่าตนเอง คู่สมรส และบุตร มีทรัพย์สิน รวม 23,890,309.49 บาท หนี้สินรวม 7,626,356.46 บาท มากกว่าหนี้สินรวมกัน 16,263,953.03 บาท
กรณีพ้นจากตำแหน่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2556 และยื่นต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.วันที่ 15 ม.ค. 2557 (ป.ป.ช. เปิดเผยวันที่ 4 ก.พ.2557) มีทรัพย์สิน 17,496,006.76 บาท ประกอบด้วย เงินฝาก 1,377,016.11 บาท ที่ดิน 6 แปลง มูลค่า 8,526,800 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง (บ้านเลขที่ 337/72 หมู่บ้านเศรษฐสิริ ถนนนนทบุรี แขวงท่าทราย อ.เมือง จ.นนทบุรี) 1,500,000 บาท รถยนต์ 5,992,990.65 บาท ทรัพย์สินอื่น 100,000 บาท หนี้สิน5,800,999.76 บาท
นางสิริสกุล ใสยเกื้อ ภรรยา มีทรัพย์สิน 16,045,188.31 บาท ประกอบด้วย เงินฝาก 760,098.31 บาท เงินลงทุน 173,100 บาท ที่ดิน 3 แปลง มูลค่า 14,174,000 บาท รถยนต์ 938,000 บาท หนี้สิน 8,626,731.77 บาท บุตรไม่บรรลุนิติภาวะ มีทรัพย์สิน (เงินฝาก) 128,143.25 บาท
รวมทรัพย์สินทั้งสิ้น 33,669,339.32 บาท หนี้สิน 14,427,721.53 บาทมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 19,241,616.79 บาท
@ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
กรณีพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ครบ 1 ปี 27 ต.ค.56 (ยื่นต่อ ป.ป.ช. วันที่ 9 ธ.ค.56) นายณัฐวุฒิแจ้งว่ามีทรัพย์สิน“ที่ดิน”ในจังหวัดนครศรีธรรมราชเพิ่มขึ้น 1 แปลง เนื้อที่ 3-0-59 ไร่ ได้มา 11 เม.ย.56 จากเดิมต้นรับตำแหน่ง รมช.เกษตรฯ มี 5 แปลง) ซึ่งแปลงที่เพิ่มขึ้นมามิได้ระบุมูลค่า ล่าสุด กรณีพ้นตำแหน่ง รมช.พาณิชย์ ( 22 พ.ค.57) นายณัฐวุฒิก็มิได้แจ้งมูลค่าที่ดินแปลงดังกล่าวอีกเช่นกัน
กรณีพ้นตำแหน่งรัฐมนตรีช่วย (รมช.) ว่าการกระทรวงพาณิชย์ วันที่ 22 พ.ค.57 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นางสิริสกุล ใสยเกื้อ และบุตรไม่บรรลุนิติภาวะ มีทรัพย์สินรวม 31,356,584.42 บาท หนี้สิน15,091.993.62 บาท รวมทรัพย์สินมากกกว่าหนี้สิน จำนวน 16,264,590.80 บาท
เทียบกับ กรณีรับตำแหน่ง เข้ารับตำแหน่ง รมช.พาณิชย์ (1 พ.ย. 55) นายณัฐวุฒิ ภรรยา และบุตร มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน จำนวน 17,942,677.74 บาท เท่ากับการยื่นบัญชีฯครั้งล่าสุด ลดลง 1,678,086.94 บาท
นายณัฐวุฒิ อดีต รมช.พาณิชย์ และอดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย แจ้งหลังพ้นตำแหน่งครบ 1 ปี มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 32,435,662 บาท เป็นของนายณัฐวุฒิ 13,544,184 บาท ของนางสิริสกุล 18,741,680 บาท และของบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ 149,797 บาท มีหนี้สินทั้งสิ้น 15,027,970 บาท เป็นของนายณัฐวุฒิ 9,434,893 บาท ของนางสิริสกุล 5,593,077 บาท นางสิริสกุล ใสยเกื้อ ภรรยา เพิ่งจัดตั้งบริษัท บริษัท ดีจีรัง จำกัด ในช่วงเดือนกันยายน 2557 โดยร่วมถือหุ้นมูลค่ากว่า 2.4 ล้านบาท
ทั้งนี้ กรณีพ้นตำแหน่ง ส.ส. ครบ 1 ปี แจ้งว่า นางสิริสกุล มีเงินลงทุนทั้งหมด 2,463,000 บาท เป็นหุ้นสหกรณ์สุราษฎร์ธานี จำกัด 1 พันหุ้น ได้มาช่วงปี 2551 มูลค่า 1 หมื่นบาท และหุ้นบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) 300 หุ้น มูลค่า 3 พันบาท และบริษัท ดี จีรัง จำกัด จำนวน 24,500 หุ้น หุ้นละ 100 บาท มูลค่า 2,450,000 บาท ซึ่งเพิ่งแจ้งในช่วงพ้นตำแหน่งครบ 1 ปี
ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า บริษัท ดี จีรัง จำกัด จดทะเบียนวันที่ 29 ก.ย. 2557 ทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท มีนางสิริสกุล ใสยเกื้อ และนายอาทิตย์ เพ็ชรรัตน์ เป็นกรรมการบริษัท ตั้งอยู่เลขที่ 39/8 หมู่ 4 ต.ทับมา อ.เมืองระยอง จ.ระยอง ประกอบกิจการ ผลิต จำหน่าย และติดตั้งประตูหน้าต่างอลูมิเนียม กรอบมุ้งลวด กระจก บานเกล็ด ยิบซั่ม ฝ้า ผนัง วงกบ บานประตู หน้าต่าง เป็นต้น มีผู้ถือหุ้นทั้งหมด 4 คน และยังไม่ได้ออกเลขหมายใบหุ้นให้ใคร มีนางสิริสกุล และนายอาทิตย์ 24,500 หุ้น ถือหุ้นใหญ่สุด นายอรรถพล นาคแก้ว และ น.ส.ประการัง แสงขาว คนละ 500 หุ้น (หุ้นละ 100 บาท)
ปัจจุบันที่ตั้งเลขที่ 138/33 ถนนนนทบุรี ต.ท่าทราย อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรีประกอบธุรกิจ จำหน่ายเครื่องดื่ม ผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 16 ตุ.ค. 2561 นาง สิริสกุล ใสยเกื้อ ถือ 49,998 หุ้น (99.99%) นายชญงค์ กาญวัฒนะกิจ น.ส.ธัญญชนก ใสสะอาด คนละ 1 หุ้น นางสิริสกุล และ นายสนธยา ทิพย์อาภากุล เป็นกรรมการ (นายสนธนาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท ไทย คอนซัลแตนท์ แอนด์ พับบลิค รีเลชั่น จำกัด ร่วมพี่ชายนายณัฐวุฒิ และเป็นคู่สัญญางานพีอาร์ให้ ปตท.) แจ้งงบการเงินรอบปี 2560 รายได้ 1,837,285.72 บาท ขาดทุนสุทธิ 1,765,027.87 บาท สินทรัพย์ 2,332,723.51 บาท หนี้สิน 318,784.02 บาท ขาดทุนสะสม 2,986,060.51 บาท
สรุปได้ว่า นายณัฐและภรรยามีทรัพย์สินอยู่ที่ 23-33 ล้าน บาทและมีธุรกิจของภรรยา
ทรัพย์สิน นพ.เหวง โตจิราการ
นพ.เหวง โตจิราการ ยื่นบัญชีฯต่อ ป.ป.ช. แจ้งช่วงพ้น ส.ส. ครบ 1 ปี เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2557 ว่า มีทรัพย์สิน 12,782,732 บาท ได้แก่ เงินฝาก 3 บัญชี 12,042 บาท เงินลงทุน 87,410 บาท ที่ดิน 9 แปลง 12,276,250 บาท บ้าน 2 หลัง 407,030 บาท มีหนี้สิน 117,980 บาท ส่วนนางธิดา โตจิราการ คู่สมรส มีทรัพย์สิน 14,177,340 บาท ได้แก่ เงินฝาก 5 บัญชี 7,607,760 บาท เงินลงทุน 289,560 บาท ที่ดิน 5 แปลง 5,612,250 บาท บ้าน 2 หลัง 667,770 บาท ไม่มีหนี้สิน รวมทั้งคู่มีทรัพย์สินเบ็ดเสร็จ 26,960,072 บาท มีหนี้สินทั้งสิ้น 117,980 บาท
@ นพ.เหวง โตจิราการ
ทั้งคู่แจ้งว่าไม่มีรายได้ แต่ นพ.เหวง มีรายจ่าย 8 หมื่นบาท เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว 3 หมื่นบาท ค่าน้ำไฟโทรศัพท์น้ำมันแก๊ส 3 หมื่นบาท ค่าจ้างคนทำงาน 2 หมื่นบาท ส่วนนางธิดา มีรายจ่าย 3 หมื่นบาท เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว
ทั้งหมดคือทรัพย์สินของนายจตุพร นายณัฐวุฒิ นพ.เหวง ตามที่ยื่นต่อ ป.ป.ช.ก่อนหน้านี้ เห็นได้ว่านายณัฐวุฒิมีทรัพย์สินมากกว่า น.พ.เหวง และ นายจตุพร กระนั้น ไม่มีทรัพย์สินของทั้งสามคน ณ ปัจจุบันว่ามีจำนวนมากขึ้นหรือน้อยลงกว่าเดิม ก่อนผจญวิบากกรรมคดีม็อบเผาตึก 2 คดี เงินต้น รวม ดอกเบี้ย รวมประมาณ ุ60 ล้าน (คดีแรกไม่มี น.พ.เหวง )
อ่านเรื่องประกอบ:
“เต้น”กะ“ตู่” คู่หู นปช. ใครรวยอู้ฟู่กว่ากัน?
กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage