ปั้นดินให้เป็นบุญ เมื่อพระจากมือลูก ส่งถึงมือพ่อและแม่
ผมรู้ว่าแม่อยากมาเห็นและอยากมารับพระด้วยตัวเอง ผมเองก็อยากให้แม่ได้มาเห็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่ผมปั้นขึ้นมาใหม่ ผมตั้งใจมากครับแม่ ผมอยากให้แม่เห็น และอยากจะถามแม่ว่า แม่เห็นความรู้สึกของลูกชายแม่ในพระพุทธรูปองค์นี้ไหม
จดหมายถึงแม่
"สลามุอาลัยกุมครับแม่" จดหมายฉบับนี้ อาจแตกต่างจากฉบับอื่นๆ ที่รีฟเคยส่งไปหาแม่ ก็ตรงที่ว่า รีฟเขียนมาเพื่อให้แม่รับรู้ถึงความรู้สึกของรีฟที่มีต่อแม่ ไม่ได้เขียนมาเพื่อเรียกร้องบางสิ่งบางอย่างจากแม่เหมือนเช่นเคย ตลอดชีวิตรีฟแทบไม่เคยเลยที่จะทำให้แม่ได้ภูมิใจ ไม่ว่าในฐานะของมุสลิมหรือลูกคนหนึ่ง ใช้ชีวิตให้หมดเปลืองไปกับความเลวร้ายที่สนุกกับตัวเอง แต่เดือดร้อนคนอื่น ความหยิ่งยโส หลงผิด ทำให้รีฟห่างไกลจากพระเจ้าและอ้อมกอดของแม่ จนกระทั่งพระผู้ทรงเมตตาได้หยุดยั้งรีฟไว้ด้วยการส่งเข้ามาที่นี่ เป็นบททดสอบที่หนักหนาสาหัสเหลือเกิน
ในตอนนี้รีฟเหนื่อยจนหมดแรงสู้เสียแล้ว แต่เมื่อรีฟได้เห็นหน้าแม่ในทุกครั้งที่แม่มาเยี่ยม ได้รู้ว่า แม่เหนื่อยขนาดไหนกว่าจะได้เงินมาแต่ละบาท ทำให้รีฟละอายแก่ใจ และบอกตัวเองว่า เราต้องสู้เพื่อแม่ ให้เหมือนแม่ที่สู้เพื่อรีฟมาโดยตลอด สำหรับชีวิตลูกผู้ชาย คงไม่มีอะไรเจ็บปวดหัวใจและอัปยศอดสูมากไปกว่าการทนเห็นพ่อแม่ที่อยู่ในวันเกษียณแล้ว ต้องมานั่งเลี้ยงดูเรา
ตอนนี้รีฟได้เจนจัดในความชั่วแล้ว ต่อไปนี้รีฟจะเป็นคนที่เจนจัดในความดีบ้าง เพื่อให้แม่จะได้ภูมิใจและชื่นใจว่า ลูกคนนี้มันก็ยังรักดีเหมือนเดิม
รักแม่ครับ
ชารีฟ
----------------------
ถึงแม่
สวัสดีครับแม่ ตั้งแต่มีเยี่ยมทางไลน์ ผมไม่เคยได้เขียนจดหมายหาแม่เลย ครั้งนี้ถือโอกาสรำลึกความคลาสสิกของจดหมายเลยละกัน ก็อีกปีแล้วนะครับที่ผมได้ทำในสิ่งที่ผมรักได้สำเร็จ คงไม่ผิดหรอกที่แม่เห็นว่า คำว่า สิ่งที่ผมรักออกจากปลายปากกาผม แม่ก็คงจะรู้ใจลูกชายของแม่ดีว่า ลูกชายของแม่เป็นคนที่ทำอะไรได้ไม่นานหรอก ทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ถ้าหากว่าสิ่งนั้นไม่ใช่สิ่งที่ชอบ ผมเองก็ไม่รู้ว่า ตัวเองรู้สึกอย่างไรกับการลงมือทำสิ่งเหล่านี้ในครั้งแรก จนเรื่องราวที่ผ่านมา คงเป็นความผูกพันระหว่างผมกับสิ่งพิเศษนี้กระมัง
ผมหมายถึงพระพุทธรูปที่ผมปั้น เวลาที่ผมอยู่กับพระ ได้ปั้นพระ ผมไม่เคยรู้สึกเบื่อ ไม่เคยรู้สึกว่า ทำไม่ได้เลย เพราะผมรู้เป้าหมายในสิ่งที่ผมกำลังลงมือทำอยู่ รู้ว่า ผมสามารถให้อะไรกับใครได้บ้าง ผมเริ่มมีเป้าหมายที่ชัดเจน ผมจึงเริ่มลองทำ และฝึกฝนและจดจ่อกับการปั้นพระ เวลาที่ปั้นพระพุทธรูป ผมจะมีพลังพิเศษเสมอ มีกำลังใจ และยิ้มให้กับพระเสมอ สำหรับพลังที่ว่านั้นก็คือรอยยิ้มและกำลังใจที่ผมได้รับจากครอบครัว และผมก็ส่งต่อสิ่งที่ได้รับผ่านทางพระพุทธรูป เพื่อสื่อออกมาให้คนได้เห็นให้เขารู้สึกได้เมื่อยามที่เขามอง
ผมมีความภูมิใจมากสำหรับพระพุทธรูปองค์ก่อนที่ปั้นไว้ ปลื้มใจที่มีคนสัมผัสได้ถึงสิ่งที่ผมสื่อออกมา ไม่เคยนึกเลยว่า จะมีคนยอมรับและเลื่อมใสมากมายขนาดนั้น ทั้งๆ ที่รู้ว่า แท้จริงแล้ว ผู้ที่ปั้นพระพุทธรูปก็แค่ "ผู้ต้องขัง" บางทีอาจเป็นเพราะเราทำในสิ่งที่เรารักด้วยความบริสุทธิ์ใจและความศรัทธา
สิ่งเหล่านี้สอนผมครับแม่ ผมรู้สึกมีความสุขกับการให้ รู้สึกตัวเองมีความคิดแง่บวกมากขึ้น และรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่าขึ้นมาบ้าง ทั้งๆ ที่ต้องอาศัยอยู่ในซอกหลืบของสังคม แต่ก็ทำให้ผมภูมิใจในตัวเองที่สุดก็คือทำให้แม่ยิ้มได้ และภูมิใจในตัวผม ขอบคุณสำหรับรอยยิ้มและกำลังใจที่แม่มอบให้ และขอบคุณสำหรับคำชมที่ผมเพิ่งจะได้ยินจากปากแม่เป็นครั้งแรก ผมจะทำให้แม่พูดคำนี้กับผมบ่อยๆ
ผมรู้ดีเสมอว่า แม่เป็นห่วงอย่างเดียวกับที่ผมเป็นห่วงแม่เช่นกัน และยิ่งเป็นห่วงแม่มากในตอนนี้ เพราะด้วยอาการเจ็บป่วยของแม่ตอนนี้ ผมอยากจะดูแลแม่ คอยอยู่ข้างๆ แม่ในวันที่แม่ผ่าตัด แต่ผมก็ทำไม่ได้ ผมละอายใจครับ ได้แต่หวังว่า สิ่งดีๆ ที่ผมกระทำอยู่จะส่งผลถึงแม่ให้แม่หายเร็วๆ ผมรู้ว่าแม่อยากมาเห็นและอยากมารับพระด้วยตัวเอง ผมเองก็อยากให้แม่ได้มาเห็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่ผมปั้นขึ้นมาใหม่ ผมตั้งใจมากครับแม่ ผมอยากให้แม่เห็น และอยากจะถามแม่ว่า แม่เห็นความรู้สึกของลูกชายแม่ในพระพุทธรูปองค์นี้ไหม
แต่ในเมื่อแม่ไม่ได้มา ผมก็ขอถือโอกาสนี้บอกแม่ผ่านจดหมายฉบับนี้ อยากให้แม่หายเร็วๆ ดูแลตัวเองมากๆ ห่วงตัวเองให้มากขึ้นกว่าเดิม ผมมีแม่แค่คนเดียวนะ และผมก็ยังออกไปดูแลแม่ไม่ได้ สิ่งที่ผมเคยผิดพลาด ผมจะเก็บรับไว้เป็นเครื่องเตือนสติตัวเอง วันนี้ผมได้ทำในสิ่งที่ผมรัก คือ การปั้นพระพุทธรูป และทำให้ผมมีความสุข สำหรับในอนาคต ผมไม่อาจจะพูดได้ว่า ผมจะทำอะไรได้สำเร็จมากน้อยแค่ไหน แต่สิ่งที่ผมกล้าพูดคือ ผมจะดูแลแม่ให้ดีที่สุดเท่าที่ลูกคนหนึ่งจะทำได้ เวลาและอะไรต่ออะไรมันสอนผมแล้วครับแม่ คิดถึงแต่สิ่งดีๆ ไว้นะครับ มองโลกในแง่ดีเข้าไว้ อย่ากลัวในสิ่งที่ยังไม่เกิด อย่างที่เราเคยคุยกันนะครับ
ลูกขอให้แม่มีความสุขกับการใช้ชีวิตในทุกๆ วัน ให้ของขวัญสำหรับตัวเองบ้างนะ ลูกของแม่มีความสุขดีครับ ขอบคุณที่แม่ให้ผมเกิดมา ผมภูมิใจที่ได้เกิดเป็นลูกของแม่
รักแม่ครับ
เบียร์
----------------------
ไม่ต่างจาก "แด๊ก" ที่เขียนจดหมายถ่ายทอดความในใจถึงผู้เป็นแม่ ช่วงหนึ่งเขาได้เล่าเกี่ยวกับโครงการปั้นดินให้เป็นบุญ รุ่นที่ 4 ด้วยว่า ได้ไล่ผีร้ายของเขาที่เคยสิงออกไปแล้ว และยังสร้างเกราะกันผีให้เขาด้วย
"จากครั้งแรกที่เคยจับดินปั้นบุญ จนถึงวันนี้ ลูกไม่กล้าแม้แต่คิดอกุศลอีกเลย แม่รู้ไหมว่าทำไม เพราะพระที่อยู่งตรงหน้าที่ลูกปั้นทำให้ลูกละอายใจตัวเอง ความรู้สึกนั้นซึมซับเข้าทุกวัน ความคิดที่เคยอาฆาตใคร เลยเปลี่ยนเป็นเมตตา"
สาร 3 ฉบับจากใจคนปั้นพระ สู่แม่-ลูก ได้ถูกนำมาติดบนบอร์ดขนาดใหญ่ ภายในหอประชุมเรือนจำบางขวาง เสมือนรอต้อนรับบรรดาผู้เข้าร่วมงานการมอบประกาศนียบัตรแก่นักเรียนในโครงการปั้นดินให้เป็นบุญ รุ่นที่ 4
สำหรับโครงการปั้นดินให้เป็นบุญ รุ่นแรก เปิดสอนที่เรือนจำบางขวางเมื่อเดือนพฤษภาคม - พฤศจิกายน 2557 รวมระยะเวลา 7 เดือน ปัจจุบัน โครงการฯ เปิดดำเนินการเป็นรุ่นที่ 4 แล้ว มีอาจารย์ภูษิต รัตนภานพ จากคณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร เป็นครูใหญ่ของชั้นเรียน โดยชั้นเรียนนี้เปิดการเรียนการสอนที่แดนการศึกษา (แดน 14) ของเรือนจำ ช่วงเปิดรับมีคนสมัครทั้งสิ้น 200 คน คัดเลือก 35 คน และที่พิเศษของรุ่นนี้คือมีการนำนักเรียนรุ่นเก่าส่วนหนึ่งมาช่วยเป็นพี่เลี้ยง เพื่อช่วยงานอาจารย์ด้วย
การดำเนินการอบรม เกิดขึ้นได้จากความร่วมมือของหลายภาคส่วน นับตั้งแต่ ครงการกำลังใจในพระราชดำริ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ เรือนจำกลางบางขวาง คณะมัณฑนศิลป์ ม.ศิลปากร สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร และกองทุนปั้นดินให้เป็นบุญ มีนางสาวอรสม สุทธิสาคร ประธานกองทุนปั้นดินให้เป็นบุญ เป็นองค์กรประสานงาน
รุ่นที่ 4 เปิดอบรมเมื่อเดือนมกราคม - กันยายน 2562 อาจารย์ภูษิต เล่าวว่า เริ่มต้นจะให้เรียนเรื่องทฤษฎีว่าด้วยพุทธลักษณะและความเป็นมาของพระพุทธรูปก่อน จากนั้นจึงนำมาสู่การร่างภาพพระพุทธรูป ค่อยมาสู่การฝึกมือนวดดิน เพื่อปั้นเป็นพระพักตร์พระพุทธรูปนูนต่ำ ถือเป็นการปูพื้นฐานเรื่องการปั้นพระพุทธรูปองค์เล็ก โดยนักเรียนแต่ละคนได้ปั้นพระพุทธรูปองค์เล็กด้วยฝีมือของตนเอง
จากนั้นจึงสอนการทำแม่พิมพ์ เพื่อหล่อเป็นรูปปลาสเตอร์สีขาว เมื่อกะเทาะแม่พิมพ์ออกแล้ว จึงถึงขั้นตอนของการตกแต่งขัดเกลางานให้สมบูรณ์ และนำมาสู่ขั้นตอนที่สำคัญที่สุด คือ การปั้นพระพุทธรูปลอยตัวองค์ใหญ่ โดยให้นักเรียนช่วยกันทำกลุ่มละ 3 คน เริ่มต้นด้วยการทำโครงขึ้นรูป การสร้างสัดส่วนของพระพุทธรูปที่ถูกต้อง การปั้นและการขัดเกลาตกแต่ง เมื่องดงามสมบูรณ์แล้ว อาจารย์จึงจะสอนให้ทำแม่พิมพ์พระพุทธรูปองค์ใหญ่ เพื่อหล่อเป็นปูนปลาสเตอร์ เมื่อกะเทาะพิมพ์ออกมาจึงค่อยตกแต่ง ขัดเกลางานขั้นสุดท้ายเพื่อให้สมบูรณ์ที่สุด
"การคาดหวังกับผลงาน ผมให้เป็นเรื่องรอง โครงการฯ นี้ตั้งขึ้นมาเน้นการพัฒนาเรื่องของจิตใจข้างใน การเรียนปั้นจะฝึกทักษะการช่างสังเกต การเรียนรู้ ความละเอียดอ่อน ปั้นดินให้เป็นบุญจึงไปเพิ่มพลังด้านบวก การเรียนทางศิลปะเป็นการเชื่อมโยงจิตใจข้างใน ความศรัทธา ความรู้สึกถูกผิด" อาจารย์ภูษิต สะท้อนให้เห็นมุมมองถึงการเรียนการสอนลูกศิษย์ในช่วงที่ผ่านมา
"สมบัติ" จากจังหวัดกาฬสินธุ์ หนึ่งในตัวแทนนักเรียนปั้นพระ รุ่นที่ 4 ผู้ปั้นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ขนาดหน้าตัก 18 นิ้วหล่อเป็นเรซิ่น ซึ่งพระศากยวงศ์วิสุทธิ์ (ดร.อนิลมาน ธัมมสากิโย) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร ได้เมตตาถวายนามพระพุทธรูปว่า พระพุทธสันติธรรมากร อันมีความหมายว่า พระพุทธเจ้าผู้ทรงบรรลุสันติเป็นบ่อเกิดแห่งธรรม คือ ความดี
"มอบพระพุทธรูป ผมอยากให้แม่มา แม่แก่มากแล้วให้หลานมาแทน ตอนอบรมปั้นพระพุทธรูปผมคิดว่า ผมจะทำไม่ได้แล้ว ผมมีปัญหาวุ่นวายใจข้างใน แต่ก็ได้รับกำลังใจที่ดีจากอาจารย์ ให้ใจเย็นๆ มีสมาธิ จากนั้นผมก็พยายาม และได้ปั้นพระพุทธรูปองค์ขนาดใหญ่ครั้งแรกในชีวิต"
สมบัติ อยู่เรือนจำบางขวางมา 16 ปี เขาเคยเข้าอบรมมาแล้วหลายโครงการ แต่ไม่เคยเจอโครงการไหนทำแล้วสบายใจ พฤติกรรมเปลี่ยนไป จะจับกลุ่มพูดคุยกันแต่เรื่องปั้นพระ "กลางคืนก็นอนฝันเห็นแต่พระ ซึ่งที่ผมภูมิใจที่สุดพระพุทธรูปที่เราปั้น ไปสู่มือแม่เป็นพระพุทธรูปประจำบ้าน"
ขณะที่"สมศักดิ์" คนจังหวัดร้อยเอ็ด เขาบอกว่า ที่สมัครเข้ารับการอบรมโครงการฯ นี้ เพราะตั้งใจอยากปั้นพระพุทธรูปให้พ่อแม่สักองค์หนึ่ง ทดแทนที่ไม่เคยบวชให้พ่อแม่เลย
"การมาเรียนปั้นพระทำให้จิตใจสงบ นิ่งขึ้นกว่าเดิม และมีโอกาสได้ทบทวนเวลาที่ผ่านมา 10 กว่าปี ไม่ได้ดูแลครอบครัว ไม่ได้ดูแลพ่อแม่ ผมได้พิจารณาตัวเองได้มากขึ้น"
ส่วน "อานันท์" วัย 30 ปี อยู่เรือนจำบางขวางมา 7 ปี เคยเรียนปั้นพระรุ่นแรกๆ ปีนี้เขาสมัครเป็นพี่เลี้ยง เพื่อช่วยงานอาจารย์ เขาบอกว่า สิ่งที่ได้จากครูอาจารย์ ที่ได้มากคือกำลังใจ "เขาทะนุทนอมเรา พยายามดึงพวกเราเปลี่ยนเราให้เป็นอีกคนหนึ่ง จึงไม่ได้คิดว่า ศิลปะสำคัญอะไรมากมาย แต่ส่วนหนึ่งเมื่อเราชอบศิลปะอยู่แล้ว เห็นภาพเขาเอาพระพุทธรูปไปถวายวัด โรงพยาบาล และไปถึงเนปาล ก็ยิ่งดีใจใหญ่"
"มันตื้นตันใจ มากกว่าความสุข วันนี้ตรงกับวันที่ตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ถล่มพอดี ตึกถล่มเพราะโดนเครื่องบินชน ที่นี่ก็ประมาณนั้นเหมือนกัน ระหว่างสังคมข้างนอกกับข้างในมีกำแพงกั้น แต่กำแพงนั้นก็ถล่มเหมือนกันครับ โดยมีอาจารย์และหลายๆ ท่านพุ่งชนเข้ามา เข้ามามอบโอกาสให้เรา มองเห็นสิ่งที่ด้อย มองให้เป็นประโยชน์ สร้างประโยชน์ให้พวกเรารู้สึกว่า ชีวิตเรายังมีความสำคัญ"
อาจารย์เอนก นาวิกมูล นักเขียนสารคดีด้านประวัติศาสตร์ชั้นนำของเมืองไทย ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) หลังเข้าร่วมสังเกตุการณ์โครงการนี้ฯ เป็นปีแรกว่า "ผมรู้สึกซึ้งนะ ผมฟังตลอดเลยในสิ่งที่พวกเราพูด รู้สึกว่า เออ... โครงการนี้ดีอย่างไม่น่าเชื่อเลย อย่างน้อยได้ขัดเกลาจิตใจคน ได้ทุกฝ่ายทั้งฝ่ายผู้ต้องขัง ฝ่ายคนที่รับรู้ หากไม่ได้เข้ามาความซาบซึ้งความเข้าใจอาจจะเบาบาง แต่พอเรามาฟัง รู้สึกว่า เออ... ลึกซึ้งมาก โดยเฉพาะการใช้พุทธศิลป์เข้ามาช่วยขัดเกลาใจคน นี่สำคัญจริงๆ"
อาจารย์เอนก ยังให้ความเห็นถึงงานพุทธศิลป์ด้วยว่า เกี่ยวกับจิตใจคนโดยตรง เห็นได้ชัดช่วยเยอะมาก ทำให้คนเราจดจ่อเรื่องงานของเขาโดยตรงตลอดเวลา ผมชอบเขียนหนังสือ ก็จะคิดแต่เรื่องเขียนหนังสือ หรือเราทำพิพิธภัณฑ์ก็จะคิดถึงแต่เรื่องพิพิธภัณฑ์ ไม่มีความรู้สึกว่า มันจะเบื่อหน่ายอะไรเลย ทุกเวลามีค่า เพลิดเพลิน
นี่คือสิ่งที่ผมพูดมาตลอดว่า เป็นเรื่องของ ศรัทธา เป็นหลัก...
พิธีมอบพระพุทธรูป จากมือลูกสู่มือพ่อแม่ เพื่อเป็นพระพุทธรูปประจำบ้าน
บทกวี ปั้นดินให้เป็นบุญ โดยภุชชงค์ หรือนามปากกา นาคา นักเรียนปั้นพระ รุ่นที่ 1
หมายเหตุ:สำหรับกองทุนปั้นดินให้เป็นบุญ ปัจจุบันได้มอบทุนตั้งต้นชีวิตใหม่ให้กับนักเรียนในโครงการที่พ้นโทษไปแล้วจำนวน 20 ราย รายละ 1 หมื่นบาท และยังมีทุนให้กู้ยืม ปลอดดอกเบี้ย เพื่อประกอบอาชีพในวงเงินรายละ 2 หมื่นบาท จากการติดตามผล ยังไม่มีผู้ร่วมโครงการรายได้ที่พ้นโทษแล้วกลับคืนเข้าเรือนจำอีก บัญชีกองทุนปั้นดินให้เป็นบุญ โดยน.ส.อรสม สุทธิสาคร และนายภูวนาท รัตนรังสิกุล และนายประเสริญ เลิศอัศวลักษณ์ และนายอติ กองสุข ธนาคารกสิกรไทย สาขาพรานนก เลขที่บัญชี 0053307728
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
จากมือที่ "เปื้อน" บาป สู่มือที่ "ปั้น" บุญ
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/