'สนธิรัตน์'เสนอโมเดล “Energy for All” รับมือยุคเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน
“สนธิรัตน์”เปิดยุทธศาสตร์การเข้าถึงบริการด้านพลังงานที่มั่นคง ราคาเข้าถึงได้ และยั่งยืน ผ่านนโยบาย Energy for All พลังงานเพื่อทุกคน ย้ำการรับมือนวัตกรรมพลังงานในอนาคต ผู้กำหนดนโยบายต้องพัฒนาความเข้าใจในโอกาสและความท้าทายต่าง ๆที่เกิดจากเทคโนโลยี Disruptive ในภาคพลังงานให้ดียิ่งขึ้น
เมื่อวันที่ 10 ก.ย.2562 นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้รับเชิญกล่าวบรรยายในหัวข้อ Advancing Inclusive Access to Secure, Affordable and Sustainable Energy Service การเข้าถึงบริการด้านพลังงานที่มั่นคง ราคาเข้าถึงได้ และยั่งยืน ในระหว่างการประชุมโต๊ะกลมระดับรัฐมนตรีพลังงานเอเชีย ครั้งที่ 8 (Asian Ministerial Energy Roundtable : AMER 8) ที่จะมีขึ้นวันที่ 10 กันยายน 2562 ที่กรุงอาบูดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE)
นายสนธิรัตน์กล่าวตอนหนึ่งว่า เรากำลังอยู่ในยุคสมัยแห่งการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน เปลี่ยนจากเชื้อเพลิงฟอสซิลไปสู่โลกพลังงานสะอาด โลกของพลังงานหมุนเวียน เป็นยุคที่ผู้บริโภคกลายเป็นศูนย์กลาง สามารถควบคุมการใช้ไฟฟ้า การผลิต การขาย และทางเลือกแหล่งพลังงานของตนเองได้ ในฐานะที่เป็นทั้งผู้ผลิตและผู้ (Prosumer)
“เรากำลังเผชิญหน้ากับความไม่แน่นอนที่สำคัญและการเปลี่ยนแปลงในตลาดพลังงาน เช่น ความไม่สงบในภูมิภาคตะวันออกกลาง มาตรการแทรกแซง สงครามการค้า โดยเฉพาะการปฏิวัติของเชลออยล์ ส่งผลต่อตลาดก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เกิดการเพิ่มกำลังการผลิตก๊าซอย่างมาก ซึ่งการรับมือความท้าทายเหล่านี้ จำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องพิจารณานโยบายและกลยุทธ์ที่นำมาใช้ได้จริงในการเพิ่มความมั่นคงทางพลังงาน การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การสนับสนุนพลังงานสะอาด การพัฒนาพลังงานทางเลือกและพลังงานหมุนเวียน รวมถึงการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีนวัตกรรมด้านพลังงาน”
ในการรับมือนวัตกรรมพลังงานในอนาคตนั้น ผู้กำหนดนโยบายต้องพัฒนาความเข้าใจในโอกาสและความท้าทายต่าง ๆที่เกิดจากเทคโนโลยีที่สร้างความพลักผัน (Disruptive Technology) ในภาคพลังงานให้ดียิ่งขึ้น รัฐบาลควรพัฒนาวิสัยทัศน์สำหรับอนาคตพลังงานที่ยั่งยืนที่จัดการกับความท้าทายเชิงนโยบายพลังงานหลายประการและติดตามความก้าวหน้าเพื่อบรรจุเป้าหมายระดับชาติ
สำหรับประเทศไทยมองเรื่องความมั่นคง ความยั่งยืน และการเข้าถึงพลังงานขึ้นอยู่กับการบูรณาการเชื้อเพลิงที่สะอาดขึ้น และเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียน การกระจายการผลิต การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ระบบพลังงานอัจฉริยะและระบบดิจิทัล
ปัจจุบันไทยกำลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปสู่ Thailand 4.0 ผ่าน BCG Model(Bio-Circular-Green Economy) ที่มีเชื้อเพลิงสะอาดและเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียนเป็นกระแสหลัก ไทยได้วางยุทธศาสตร์ “พลังงานเพื่อทุกคน”(Energy for All) ซึ่งจะสนับสนุนการเพิ่มรายได้ให้ประชาชน พร้อมกับยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เราต้องปรับปรุงโครงข่ายพลังงานชุมชนโดยใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะ เพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ ก๊าซชีวมวล และเชื้อเพลิงชีวภาพผ่านโรงไฟฟ้าชุมชน พร้อมกับเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานผ่านการใช้กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
“ท่ามกลางสถานการณ์ทางเศรษฐกิจปัจจุบันที่มีความซับซ้อน ผมต้องขอบคุณบทบาทที่แข็งขันของ International Energy Forum หรือ IEF ซึ่งทำให้การประชุม AMER ยังคงทำหน้าที่เป็นหนึ่งในเวทีระดับนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดสำหรับบรรดารัฐมนตรีที่จะนำเสนอและเน้นย้ำโอกาสอันดีสำหรับทุกคนที่จะหารือในประเด็นสำคัญเกี่ยวกับภาคพลังงานในปัจจุบันและมีอิทธิพลต่อแนวโน้มการเติบโตทั่วโลก”รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานกล่าวในตอนท้าย
นอกจากการเข้าร่วมบรรยายในเวทีดังกล่าวแล้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานยังได้มีโอกาสเยี่ยมชมโครงการMasdar City ซึ่งเป็นเมืองต้นแบบด้านพลังงานสะอาด โดยนำเทคโนโลยี Clean Energy มาผสมผสานกับความเป็นชุมชนเมือง นายสนธิรัตน์กล่าวว่า หัวใจของโครงการคือการนำ Clean Energy มาเป็นตัวผลักดันให้เกิดการใช้พลังงานสะอาด ซึ่งโครงการ Masdar City ถือเป็นศูนย์กลางของพลังงานทางเลือก หรือพลังงานทดแทนที่สำคัญของ UAE ผสมผสานเทคโนโลยีต่างๆ ทั้งโซลาร์เซลล์ พลังงานลม รวมทั้งเทคโนโลยีใหม่ๆ กลไกเหล่านี้ทำให้เกิดการผลิตระดับที่เป็นเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ของโลก อย่างเช่น โซลาร์ฟาร์มที่ขนาดใหญ่ 800 MW เป็นต้น จะเห็นได้ว่า การดีไซน์ทั้งหมดได้ผสมผสานพัฒนาโดยดึงเทคโนโลยีนวัตกรรมระดับโลกเข้ามาปรับใช้ ถือเป็นตัวอย่างที่น่าสนใจ เพราะ UAE เป็นผู้ส่งออกน้ำมันและก๊าซระดับโลก แต่ด้วยวิสัยทัศน์ได้มองถึงอนาคตพลังงาน จึงได้พัฒนาเรื่องนี้ล่วงหน้าเมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมาจนปัจจุบันเกิดรูปธรรม จึงเป็นสิ่งที่เราต้องเรียนรู้และเลือกนำเทคโนโลยีมาปรับใช้กับบ้านเรา