ย้อนรอย "ปล้นร้านทอง-รถขนเงิน-เต็นท์วังโต้ฯ" โยงกลุ่มป่วนใต้
มีความคืบหน้าคดี "ปล้นร้านทองครั้งมโหฬาร" ที่ ห้างทองสุธาดา อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา เหตุเกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 24 ส.ค.62
ผ่านมา 3 วันตำรวจได้เบาะแสคนร้าย และเริ่มมีหลักฐานที่เชื่อได้ว่าเชื่อมโยงกับกลุ่มก่อความไม่สงบ หรือขบวนการก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่
"ทีมข่าวอิศรา" รวบรวมไฮไลท์ข้อมูลสำคัญจากฝ่ายตำรวจ โดยเฉพาะ พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 สรุปได้ดังนี้
- ทองคำที่คนร้ายปล้นไป เกือบทั้งหมดเป็นทองรูปพรรณและเพชร มีมูลค่ารวมถึง 85 ล้านบาท ไม่ใช่แค่ 60 ล้าน หรือ 22 ล้านตามที่เป็นข่าวในตอนแรก
- เจ้าหน้าที่ในจังหวัดสงขลาและปัตตานีให้น้ำหนักเชื่อมโยงว่า คดีปล้นร้านทองมีโอกาสเกี่ยวกับคดีความมั่นคงถึง 80%
- พฤติกรรมของคนร้ายคล้ายกับคดีปล้นเต็นท์รถมือสอง "หจก.วังโต้ คาร์เซ็นเตอร์" ใน อำเภอนาทวี เมื่อวันที่ 16 ส.ค.60 คือปล้นรถคันอื่นมาก่อเหตุ โดยครั้งนั้นชิงรถจาก หจก.วังโต้ฯ ไป6 คันเพื่อไปทำคาร์บอมบ์
- ผู้ต้องสงสัยที่ร่วมก่อเหตุ หลักฐานเป็นภาพที่ได้จากกล้องวงจรปิด น่าจะเคยเกี่ยวข้องวางแผนก่อเหตุปล้นรถที่ "วังโต้ คาร์เซ็นเตอร์" แต่ยังไม่ถูกจับกุม โดยผู้ต้องสงสัยรายนี้มีชื่อในแฟ้มประวัติกลุ่มก่อความไม่สงบ และมีหมายจับในคดีความมั่นคง
- คนร้ายมีจำนวน 17-20 คน ในส่วนของทีมปล้นน่าจะมี 12 คน บางคนแต่งกายเป็นผู้หญิง แฝงตัวเป็นลูกค้ามาเคาะประตูร้านทอง เพื่อให้เปิดประตูที่ต้องเปิดจากด้านในและดันประตูเอาไว้ให้ทีมปล้นบุกเข้าไป
- คนร้ายที่ลงมือก่อเหตุใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 จำนวน 6 กระบอก ปืนพกสั้น 5 กระบอก
- กลุ่มคนร้ายยังปล้น/ขโมย/จี้ชิงรถจักรยานยนต์มาอีก 3 คัน เพื่อใช้ร่วมในการก่อเหตุและหลบหนี
- อาวุธปืนขนาด 9 มม.ที่คนร้ายใช้ยิงขู่ชาวบ้านขณะจี้ชิงรถจักรยานยนต์เพื่อหลบหนี ตรวจพิสูจน์ปลอกกระสุนแล้วเคยใช้ก่อเหตุรุนแรงซึ่งเป็นคดีความมั่นคงในพื้นที่ ตำบลห้วยปลิง อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา เมื่อปี 61
- น่าจะมีอดีตลูกจ้างของร้านร่วมมือด้วย
- ร้านทองร้านเดียวกันนี้เคยถูกปล้นมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อปี 48 มีลูกจ้างของร้านร่วมด้วย คดียังไม่จบ
นี่คือข้อมูลสำคัญจากตำรวจ ซึ่งหากแยกแยะให้ดีจะมี 2 ประเด็นหลักๆ ที่น่าสนใจเป็นพิเศษ คือ
1. กลุ่มคนร้ายน่าจะเกี่ยวข้องหรือเชื่อมโยงกับกลุ่มที่ปฏิบัติการบุกปล้นรถกระบะจากเต็นท์รถมือสอง "หจก.วังโต้ คาร์เซ็นเตอร์" ในอำเภอนาทวี เมื่อ 2 ปีก่อน (เกิดเหตุเดือน ส.ค.เช่นกัน)
และ 2. คนร้ายน่าจะเป็นกลุ่มก่อความไม่สงบ หรือกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับปฏิบัติการที่เคยทำงานหรือยังทำงานอยู่กับขบวนการที่อ้างอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดน
เทียบเหตุปล้นร้านทองสุธาดา กับ "วังโต้ คาร์เซ็นเตอร์"
วิเคราะห์ประเด็นแรกก่อน หากไม่นับข้อมูลจากการสืบสวนของตำรวจ เหตุการณ์ปล้นรถจาก หจก.วังโต้ คาร์เซ็นเตอร์ เมื่อปี 60 ก็มีความคล้ายคลึงกับเหตุการณ์ปล้นร้านทองสุธาดา ในแง่รูปแบบและวิธีการของคนร้าย นั่นก็คือการปล้นรถจากจุดหนึ่ง มาก่อเหตุอีกจุดหนึ่ง แต่ในรายละเอียดมีความต่างกันมากพอสมควร
- เหตุปล้นเต็นท์รถ "วังโต้ คาร์เซ็นเตอร์" เมื่อปี 60 คนร้ายใช้วิธีตั้งด่านเถื่อนใน อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี เพื่อปล้นรถกระบะจากชาวบ้านมาก่อน จากนั้นจึงใช้รถกระบะคันนั้นไปปล้นรถกระบะอีก 6 คันจาก "วังโต้ คาร์เซ็นเตอร์"
วิธีการนี้แม้จะคล้ายคลึงกันกับเหตุการณ์ปล้นร้านทองสุธาดา เพราะมีการปล้นรถตู้มาก่อนจากพื้นที่ อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี แต่รายละเอียดไม่เหมือนกัน โดยการปล้นรถตู้ใช้ "นกต่อ" ทำทีเป็นขอเช่าเหมารถ แล้วจึงปล้นรถจากโชเฟอร์ไปปล้นร้านทองอีกที ไม่ได้ตั้งด่านเถื่อนชิงรถ (ทั้งสองเหตุการณ์คนร้ายไม่ได้ทำร้ายเจ้าของรถ)
- เหตุปล้นเต็นท์รถ "วังโต้ คาร์เซ็นเตอร์" คนร้ายปฏิบัติการอย่างโหดเหี้ยม ยิงลูกจ้างเต็นท์รถ (เสียชีวิตในเวลาต่อมา) จับทั้งเจ้าของและพนักงานเต็นท์รถเป็นตัวประกัน ก่อนจะปล่อยทิ้งข้างทางระหว่างหลบหนี ส่วนเหตุปล้นร้านทองไม่มีการจับตัวประกัน และคนร้ายไม่ได้ยิงใคร
- เหตุปล้นเต็นท์รถ "วังโต้ คาร์เซ็นเตอร์" คนร้ายชิงรถกระบะ 6 คันไปทำคาร์บอมบ์ คือไปปฏิบัติการก่อความไม่สงบต่อเนื่อง (แต่จริงๆ ระเบิดไม่ครบ เพราะผิดแผน น้ำมันหมดบ้าง ปะทะกับเจ้าหน้าที่บ้าง เกิดอุบัติเหตุระหว่างทางบ้าง) แต่สำหรับเหตุปล้นร้านทอง คนร้ายมุ่งชิงทองและทรัพย์สินมีค่า ไม่ได้มีเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดต่อเนื่องมา
ปัจจุบัน คดีปล้นเต็นท์รถ "วังโต้ คาร์เซ็นเตอร์" จับกุมคนร้ายได้บางส่วน (5 คน) คดีขึ้นสู่ศาล และศาลจังหวัดนาทวีพิพากษาแล้วเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ลงโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต และจำคุก 2 ปี 8 เดือน คดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์
แต่ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ไม่มีชื่อ นาย จ.ที่ตำรวจระบุว่าเป็นหัวโจกปล้นร้านทองที่นาทวี เคยร่วมวางแผนปล้นรถจาก "หจก.วังโต้ คาร์เซ็นเตอร์" แต่อย่างใด แต่ก็อาจเป็นไปได้ว่ามีความเชื่อมโยงในทางสืบสวน จึงไม่เคยปรากฏเป็นข่าว
ย้อนรอยเหตุ "ปล้นร้านทอง" โยงกลุ่มป่วนใต้
ประเด็นที่ 2 ที่ต้องหยิบมาวิเคราะห์ ก็คือความเชื่อมโยงระหว่างการก่อเหตุปล้นร้านทอง กับกลุ่มก่อความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะต้องยอมรับว่าการปล้น จี้ ชิงทรัพย์ หรือการก่ออาชญากรรมแนวๆ นี้ ย่อมไม่ใช่แนวทางของขบวนการที่อ้างอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดน เนื่องจากคนกลุ่มนี้จะอ้างว่าก่อเหตุรุนแรงด้วยมูลเหตุจูงใจทางการเมือง
แต่ปรากฏว่าเมื่อย้อนกลับไปตรวจสอบเหตุ "ปล้นทรัพย์" หลายๆ ครั้งตลอด 15 ปีที่มีสถานการณ์ไฟใต้ ก็พบร่องรอยเป็นการกระทำจากสมาชิกกลุ่มก่อความไม่สงบด้วยเช่นกัน โดย 2 เหตุการณ์ที่มีหลักฐานชัดเจนก็คือ
1. เหตุการณ์ปล้นร้านทองที่ อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส และยิงเจ้าของร้านเสียชีวิต
เหตุเกิดเมื่อวันที่ 19 ก.ค.52 คนร้าย 2 คนบุกปล้นร้านทองไทยพงษ์ดี เลขที่ 303 ถนนสารกิจ ในเขตเทศบาลตำบลรือเสาะ โดยคนร้ายใช้อาวุธปืนยิง นายสุรศักดิ์ ทองรัตนสุวรรณ์ อายุ 65 ปี เจ้าของร้านทองเสียชีวิต
หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนสอบสวนขยายผล และสอบปากคำพยานที่เห็นเหตุการณ์ รวมถึงได้หลักฐานจากกล้องวงจรปิด ทำให้ในวันที่ 9 ส.ค.52 สามารถออกหมายจับคนร้ายที่ก่อเหตุทั้ง 2 คน คือ นายมะซูปิยัน ยากูมอ ชาว อ.รามัน จ.ยะลา กับ นายไซมิง มะหลี ชาว อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ซึ่งคนร้ายทั้งสองคนนี้มีประวัติเคยร่วมกับพวกก่อคดีความมั่นคงในพื้นที่มาแล้วประมาณ 7-8 คดี และวันที่ 5 ส.ค.52 นายไซมิงกับพวกยังได้ยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่บนเทือกเขาหลังหมู่บ้านจือเราะ หมู่ 8 ตำบลโคกสะตอ อำเภอรือเสาะ ด้วย แต่นายไซมิงและพวกหลบหนีไปได้
2. ปล้นร้านทองสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ยิงเจ้าของร้านและ รปภ.ตาย 3 เจ็บ 3
เหตุเกิดเมื่อวันที่ 14 มี.ค.54 คนร้าย 7 คน มีรถยนต์เก๋งเป็นยานพาหนะ ใช้อาวุธปืนสงครามบุกเข้าปล้นร้านทองเลี่ยวอา ตั้งอยู่เลขที่ 64 ถนนบุษยพันธ์ เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส โดยคนร้ายใช้อาวุธปืนเปิดทาง ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย คือ นายวิชัย ศรีทักษินาคุณ เจ้าของร้านทอง, นายวิชิต ศรีทักษินาคุณ น้องชายของนายวิชัย และ นายจิตติ ปลื้มใจ พนักงาน รปภ.ของร้านทอง นอกจากนั้นยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 3 ราย โดยคนร้ายกวาดเอาทองรูปพรรณไปทั้งหมด 700 บาท
หลังก่อเหตุคนร้ายซิ่งรถหลบหนี และนำรถไปจอดทิ้งไว้ในสวนยางพาราในพื้นที่ อำเอแว้ง จังหวัดนราธิวาส ทั้งยังได้ทิ้งอาวุธปืนจำนวน 9 กระบอกที่ใช้ก่อเหตุไว้ที่โคนต้นยาง ห่างจากรถประมาณ 500 เมตรด้วย
จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่า รถยนต์เก๋งที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ ติดป้ายทะเบียนปลอม โดยรถยนต์เป็นของหญิงชาวจังหวัดสงขลา แจ้งหายเอาไว้หลังมีผู้ยืมรถไปใช้แต่ไม่ส่งคืน
ส่วนอาวุธปืนที่คนร้ายทิ้งไว้ บางส่วนเป็นอาวุธปืนที่คนร้ายปล้นมาจากเหตุการณ์บุกโจมตีฐานพระองค์ดำ หรือฐานปฏิบัติการกองร้อยทหารราบที่ 15121 (ร้อย ร.15121) หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 38 เมื่อวันที่ 19 ม.ค.54 และยังตรวจสอบพบอีกว่า อาวุธปืนจำนวน 4 กระบอกมีความเชื่อมโยงเคยใช้ก่อเหตุในพื้นที่มาแล้วกว่า 14 คดี เจ้าหน้าที่เชื่อว่าคนร้ายเป็นกลุ่มก่อความไม่สงบกลุ่มเดียวกับที่บุกถล่มฐานพระองค์ดำ
เหตุการณ์ปล้นร้านทองครั้งนั้น เกิดในช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และได้ให้สัมภาษณ์ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวิเคราะห์ได้ 2 ประการ คือ ประการแรก เจ้าหน้าที่ได้ตัดช่องทางการเงินของขบวนการผู้ก่อความไม่สงบ เช่น ยาเสพติด ของเถื่อน โดยให้กองทัพภาคที่ 4 ดำเนินการร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ศุลกากร จึงเป็นไปได้ว่ากลุ่มขบวนการต้องพยายามหาเงินสนับสนุนให้ผู้ก่อเหตุ
และประการที่ 2 เป็นโจรผู้ร้ายทั่วไปที่พร้อมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เงิน สำหรับอาวุธปืนที่เห็นบางส่วนนำไปจากฐาน ร้อย ร.15121 จังหวัดนราธิวาส ซึ่งถูกปล้นไปก่อนหน้านี้ กำลังสอบสวนว่าทำไมถึงไปทิ้งไว้อย่างนั้น และใช่หรือไม่ใช่ แต่จุดนี้คงไม่สำคัญ ประเด็นสำคัญคือพวกนี้คือโจร
ปล้นรถขนเงินหน้าธนาคาร...ก็เคยมาแล้ว!
ไม่ใช่แค่ปล้นร้านทอง แต่กลุ่มคนร้ายที่เชื่อมโยงกับ "มือปฏิบัติการ" ของกลุ่มก่อความไม่สงบ ยังเคยปล้นรถขนเงินของธนาคารกสิกรไทย ขณะจอดอยู่หน้าธนาคารด้วย
เหตุิเกิดเมื่อวันที่ 30 พ.ค.56 คนร้ายประมาณ 10 คนใช้รถกระบะและรถจักรยานยนต์ 2 คันเป็นพาหนะ พร้อมอาวุธปืนสงครามครบมือ บุกปล้นรถขนเงินของธนาคารกสิกรไทย สาขาปาลัส ขณะจอดอยู่หน้าธนาคาร ริมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 42 ท้องที่บ้านปาลัส หมู่ 5 ตำบลลางา อำเภอมายอ จังหวัดปัตตานี แต่พนักงาน รปภ.ของรถขนเงินได้ใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้ จนเกิดการยิงปะทะกันทำให้คนร้ายเสียชีวิต 1 ราย ส่วนพนักงาน รปภ.ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย นอกจากนั้นยังมีผู้หญิงวัย 34 ปี โดนลูกหลงได้รับบาดเจ็บขณะกำลังกดเงินจากตู้เอทีเอ็มด้วย
หลังก่อเหตุคนร้ายได้ขับรถหลบหนีไปทาง อำเอสายบุรี จังหวัดปัตตานี โดยได้โปรยตะปูเรือใบและวางวัตถุต้องสงสัยเป็นถังแก๊สและกระสอบปุ๋ยที่มีการสายไฟโผล่ออกมาบริเวณไหล่ทาง เพื่อสกัดการติดตามของเจ้าหน้าที่ด้วย ต่อมาเจ้าหน้าที่สืบทราบว่าคนร้ายเป็นสมาชิกขบวนการก่อความไม่สงบ
ทั้งหมดนี้คือเหตุอาชญากรรมร้ายแรงที่เกิดขึ้นในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ในรอบ 10 กว่าปีมานี้ ภายใต้ฝุ่นควันสถานการณ์ความไม่สงบและการต่อสู้ที่อ้างมูลเหตุจูงใจทางการเมือง
---------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 รถตู้โดยสารที่คนร้ายปล้นชิงมา เพื่อใช้เป็นพาหนะในการก่อเหตุปล้นร้านทองที่อำเภอนาทวี
2 สัญลักษณ์บนทองรูปพรรณที่เป็นสินค้าของห้างทองสุธาดา อำเภอนาทวี ที่ถูกปล้นครั้งใหญ่