สสว.ร่วมกับ สถาบันสิ่งทอ และ ม.อุบลฯ พัฒนา SMEs ผ้าทออีสาน
สสว. ผนึกกำลัง สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ และม.อุบลฯ โชว์สุดยอดผลิตภัณฑ์ผ้าทออีสานสู่โมเดิร์นไลฟ์สไตล์ จำนวน 1,000 ผลิตภัณฑ์ พร้อมดันสู่ตลาดสากล เผยประเดิมนำร่องบุกตลาด นิวยอร์ก และฮ่องกง คาดสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท
นายสุวรรณชัย โลหะวัฒนกุล ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า สสว. ได้ดำเนินโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มศักยภาพสู่ตลาดสากล (SME Product Development) โดยร่วมกับสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ และมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี พัฒนา SMEs ผลิตภัณฑ์ผ้าทอพื้นเมืองอีสาน จำนวน 1,100 ราย ยกระดับสู่ผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัยตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุค 4.0 (Modern Lifestyle) ภายใต้แนวคิด “คิด ผลิต ขาย” ผ่านกิจกรรมการฝึกอบรมด้วยหลักสูตรธุรกิจและการตลาดสมัยใหม่ (Business Model) การออกแบบ (Art & design) สร้างต้นแบบสินค้า (Pattern) และเทคโนโลยีนวัตกรรม (Technology and Innovation) เพื่อสร้างความแตกต่างจากผลิตภัณฑ์เดิมโดยมีองค์ประกอบในการพัฒนาคือ แนวโน้มการออกแบบ องค์ความรู้ในการออกแบบ และพฤติกรรมผู้บริโภคในแต่ละตลาดเป้าหมาย พร้อมให้คำปรึกษาผู้ประกอบการที่มีศักยภาพ 100 ราย ยกระดับผลิตภัณฑ์แฟชั่นและไลฟ์สไตล์ 100 คอลเลคชั่น พร้อมทั้งคัดเลือกสุดยอดผลิตภัณฑ์สุดท้ายที่มีศักยภาพสูงสุดเพียง 10 ราย ทดสอบตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ คือ สหรัฐอเมริกายุโรป ญี่ปุ่น จีน และอาเซียน ซึ่งเป็น 4 ตลาดสำคัญของโลก
นายสุวรรณชัย กล่าวว่าสำหรับงานวันนี้ เป็นการทดสอบตลาดในประเทศ มีการนำผลิตภัณฑ์ผ้าทออีสานที่สวยงามและมีคุณภาพ ภายใต้โครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มศักยภาพสู่ตลาดสากล รวมจำนวน 1,000 รายการ และพร้อมออกสู่ตลาดเชิงพาณิชย์ เข้าร่วมจัดแสดงเพื่อโชว์ศักยภาพ รวมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้ซื้อ ผู้ขาย หรือตัวแทนต่าง ๆ ได้พบปะผู้ประกอบการโดยตรงผ่าน กิจกรรมการเจรจาธุรกิจ ณ Quartier Gallary ชั้น M ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์ และในส่วนของการทดสอบตลาดต่างประเทศ สสว. ได้นำร่องทดสอบตลาดแล้ว 2 ประเทศ ประกอบไปด้วย
1. นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยพาผู้ประกอบการที่ชนะเลิศจากการประกวดภายใต้โครงการฯ พร้อมนำคอลเลคชั่นจากผู้เข้าร่วมโครงการอีก 5 ราย จากขอนแก่น บุรีรัมย์ นครราชสีมา และ สุรินทร์ ร่วมแสดงสินค้า ในงาน Texworld Apparel and Sourcing USA summer 2019 ณ Javits Center ระหว่างวันที่ 22 – 24 ก.ค. 2562 โดยผลลัพธ์ คือ ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ทั้งบริษัทต่างๆ จากจีน เกาหลี ไต้หวัน อินเดีย เป็นหลัก นอกจากนี้ยังได้รับความสนใจจากอีกหลายบริษัทในยุโรป เช่น ออสเตรีย โปรตุเกส สเปน อิตาลี และอังกฤษ เป็นต้น โดยความสนใจพิเศษจากผู้เข้าเยี่ยมชมคือ ผลิตภัณฑ์ที่เป็นงานฝีมือ มีการออกแบบที่ดูสวยงามและดูยกระดับ (High end) และมุ่งเน้นในเรื่องการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainability) และการผลิตสินค้าที่ใช้วัสดุหมุนเวียน (Circular Economy in Fashion) และที่สำคัญคือ บางรายมีความสนใจในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกันกับผู้ประกอบการไทย
2. เขตบริหารพิเศษฮ่องกง โดยพาผู้ประกอบการภายใต้โครงการ 10 ราย ร่วมจัดนิทรรศการแสดงผลงานใน Hong Kong Fashion Week Spring Summer 2019 ระหว่างวันที่ 8 - 11 ก.ค. 2562 ณ Hong Kong Exhibition & Convention Center โดยผลลัพธ์ คือ มีความสนใจผลิตภัณฑ์ที่เป็นงานฝีมือ อาทิ ผลิตภัณฑ์จากผ้าบาติก ผลิตภัณฑ์ผ้าไหมทอมือ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ผ้าไหมได้รับความสนใจเป็นพิเศษ เนื่องจากมีผิวสัมผัสที่ดี (Texture) ซึ่งจากทดสอบตลาดพบว่า หากเป็นชาวจีนจะชอบผ้าที่มีสีสันเยอะๆ และหากเป็นยุโรป ชอบผ้าโทนสีแนวธรรมชาติ (Earth Tone) ซึ่งในภาพรวมประเทศที่เข้าเยี่ยมชมบูธ มีทั้ง ยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย จีน และเอเชีย โดยบางรายได้มีการเจรจาธุรกิจในเบื้องต้น
“จากการทดสอบตลาดในต่างประเทศในเบื้องต้นถือเป็นสัญญาณที่ดี โดยผู้ประกอบการต้องนำแนวทางต่างๆ ปรับใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และต้องกำหนดระยะเวลาในการผลิตให้ทัน อย่างไรก็ตามในส่วนของผลงานการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทั้งหมด สสว. จะรวบรวมและจัดทำเป็นหนังสือภาพ (Photo Book) และเผยแพร่ในระบบออนไลน์ทุกช่องทาง เพื่อผลักดันให้เกิดการซื้อขายสู่ตลาดสากล โดยคาดว่าจากการดำเนินโครงการจะสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการ SMEs ผลิตภัณฑ์ผ้าทออีสาน เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 10% และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 100 ล้าน ในอนาคต” นายสุวรรณชัย กล่าวในที่สุด