ก.คลัง เตรียมปรับหลักเกณฑ์ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ให้เหมาะสม
กระทรวงการคลัง เตรียมปรับหลักเกณฑ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้เหมาะสม เน้นดูแลผู้สูงอายุ ผู้มีรายได้น้อย และกลุ่มผู้ที่เลี้ยงดูบุตร เชื่อประชาชนส่วนมากใช้ถูกวัตถุประสงค์ในการจับจ่ายซื้อของ
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยถึงกรณีที่มีผู้ได้รับสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ นำเงินในบัตรไปซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ว่าอาจจะเป็นคนส่วนน้อยและมีไม่มากนัก ซึ่งการจับจ่ายใช้สอยอย่างไร ก็เป็นส่วนของผู้ใช้ และส่วนมากการจับจ่ายใช้สอยก็ตรงตามวัตถุประสงค์ ที่ใช้เป็นค่าครองชีพที่จำเป็น ใช้ในการซื้อเครื่องอุปโคภบริโภคที่จำเป็น
โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง มีการติดตามดูแลข้อมูลว่าใครรับเงินไปใช้จ่ายที่ไหนอยู่แล้ว ทั้งนี้ก็เตรียมที่จะปรับหลักเกณฑ์เพื่อคัดกรองผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และรายการสินค้าให้มีความเหมาะสมมากขึ้นหลังเกิดกรณีดังกล่าวโดยอาจจะให้ลงทะเบียนอีกครั้งหนึ่ง และจะไปปรับสวัสดิการให้ตรงจุดมากที่สุด คือกลุ่มผู้มีรายได้น้อย และกลุ่มผู้สูงวัย และออกแบบสวัสดิการให้เหมาะสม นอกจากนั้นยังย้ำว่าการเติมเงินเข้าระบบบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย กลุ่มผู้สูงอาย และ กลุ่มผู้ที่เลี้ยงดูบุตร ที่มีความจำเป็นต้องใช้เงิน รวมทั้งเพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจ
ด้านคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่าได้ติดตามมาตรการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล ในเรื่องเกี่ยวกับมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่ขณะนี้พลเอกประยุทธ์ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ก็จะยังใช้วิธีเดิมที่ล้มเหลวมาตลอด 5 ปี มาทำต่อ การแจกเงินอย่างไม่มีประสิทธิภาพ เอาเงินงบประมาณแผ่นดินจำนวนมหาศาลมากระตุ้นเศรษฐกิจ โดยมาแค่ผ่านมือคนจน แล้วไหลกลับคืนไปสู่กระเป๋านายทุนไม่กี่ราย ต้องเลิกทำ!! จะเห็นได้ว่า พอรัฐบาลประกาศแจกเงินไปไม่กี่วันนี้เอง วันนี้ได้เห็นโฆษณาของห้างใหญ่บอกว่าพร้อมรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ไปรูดปรื๊ดทันทีแล้ว อย่างนี้ไม่เรียกว่าเอาเงินผ่านมือคนจนไปกระตุ้นเศรษฐกิจคนรวยได้อย่างไร แต่สิ่งที่ควรทำกลับไม่ทำ อย่างการยกเลิกวีซ่าจีนและอินเดีย กลับไม่ยอมทำ ถูกตีตก พลเอกประยุทธ์และพลเอกประวิตร อ้างความมั่นคง โดยไม่ได้ห่วงสภาพเศรษฐกิจที่คนไทยส่วนใหญ่จะตายกันหมดแล้ว
นอกจากนั้น คุณหญิงสุดารัตน์ ยังบอกอีกว่า ถ้าเราเป็นรัฐบาลเราจะยกเลิกวีซ่านักท่องเที่ยวจีนและอินเดียทันที เพราะธุรกิจท่องเที่ยวเป็นตัวหา “เงินด่วน” ที่สร้างรายได้ให้ประเทศ ได้เร็วและไม่ต้องใช้เงินลงทุนมากมาย ดูอย่างญี่ปุ่นพอเขายกเลิกวีซ่านักท่องเที่ยวไทยและชาติอื่นๆ ผลปรากฏว่านักท่องเที่ยวล้นทะลักเข้าญี่ปุ่น เศรษฐกิจญี่ปุ่นฟื้นตัวเลย พร้อมทั้งทิ้งท้ายให้กำลังใจประชาชนต้องอดทนต่อไป อย่าท้อ อย่าคิดสั้น ร่วมสู้ เราต้องมีความหวังร่วมกันนะคะ