แก๊งบึ้มกรุง: 9+2+3 องค์กรอาชญากรรมจับมือผู้มีแรงจูงใจทางการเมือง
ยังคงมีความคืบหน้าเป็นระยะสำหรับคดีลอบวางระเบิดหน้าสถานที่ราชการและย่านการค้าสำคัญในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยในส่วนของการติดตามไล่ล่าผู้ต้องหา มีการออกหมายจับเพิ่มอีก 3 คน รวมเป็น 9 คน และเตรียมขอศาลอนุมัติหมายจับเพิ่มอีก 2 คน ส่วนอีก 2-3 คนหลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว
วันอังคารที่ 20 ส.ค.62 มีรายงานจากคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนว่า ได้ขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาที่ร่วมกันก่อเหตุลอบวางระเบิดเพิ่มอีก 3 คน ในข้อหาเดียวกันกับ 6 คนแรกที่ออกหมายจับไปแล้ว คือ "เป็นอั้งยี่, ร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์, กระทำให้เกิดระเบิดจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์ของผู้อื่น, ทำ ใช้ มีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้, พกพาอาวุธ (ระเบิด)ไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และทำให้เสียทรัพย์"
ผู้ต้องหา 3 รายที่ออกหมายจับเพิ่ม ได้แก่ นายอุสมัน ลาเตะ อายุ 30 ปี ภูมิลำเนา อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส, นายฮาซัน อาแว อายุ 27 ปี ภูมิลำเนา อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส และ นายนัสรู มะประสิทธิ์ อายุ 26 ปี ภูมิลำเนา อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส
ก่อนหน้านี้ศาลได้อนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาทีมระเบิดไปแล้ว 2 ครั้ง รวม 6 คน ได้แก่ นายลูไอ แซแง และ นายวิลดัน มาหะ ถูกจับกุมตั้งแต่หลังก่อเหตุวางระเบิดหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อกลางดึกของวันที่ 1 ส.ค. ต่อเนื่องเช้ามืดวันที่ 2 ส.ค.62 ที่แยกปฐมพร อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร โดยทั้งคู่มีภูมิลำเนาอยู่ที่ อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส
ต่อมาวันที่ 14 ส.ค.62 ศาลได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาอีก 4 คน คือ นายอัสมี อาบูวะ อายุ 28 ปี ภูมิลำเนา อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี, นายอุสมาน เปาะลอ อายุ 23 ปี ภูมิลำเนา อำเภอแม่ลาน จังหวัดปัตตานี , นายฮาแซ แบเล๊าะ อายุ 26 ปี ภูมิลำเนา อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส และ นายอัมรี มะมิง อายุ 24 ปี ภูมิลำเนา อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี รวมออกหมายจับแล้ว 3 ล็อต 9 คน
ยังมีความคืบหน้าของคดีในส่วนของการหาหลักฐานเชื่อมโยงกลุ่มคนร้ายที่ยังเหลือ เพราะเชื่อว่ามีผู้ต้องหามากกว่า 9 คนที่ออกหมายจับไปแล้ว โดย พล.ต.ท.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หนึ่งในคณะทำงานสืบสวนสอบสวนฯ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติตั้งขึ้น กล่าวว่า ขณะนี้ค่อนข้างชัดเจนว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุมีรูปแบบการร่วมกันทำงานระหว่าง "องค์กรอาชญากรรม" กับ "ผู้ที่มีแรงจูงใจทางการเมือง" ซึ่งออกหมายจับไปแล้ว 9 คน ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มอีก 2 คน ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยก่อเหตุวางระเบิดเพลิงย่านประตูน้ำ
นอกจากนั้นยังมีผู้ต้องหา 2-3 คนหลบหนีอยู่ในต่างประเทศ ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการติดตามข้อมูล ส่วนผู้ต้องหาที่อยู่ในระดับสั่งการ มีข้อมูลมากพอที่จะระบุตัวตนได้ แต่ยอมรับว่าพยานหลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะเอาผิด
สำหรับการทำงานของคณะสืบสวนสอบสวนนั้น ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คดีมีความคืบหน้าไปแล้วประมาณ 70% ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งเรื่องการสอบปากคำพยานที่เห็นเหตุการณ์ และผู้อยู่ในที่เกิดเหตุ ซึ่งล่าสุดมีการสอบไปแล้วกว่า 100 ปาก และยังเหลือพยานที่ต้องสอบเพิ่มอีกจำนวนมาก โดยเบื้องต้นตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะส่งสำนวนการสอบสวนให้ทันภายในการฝากขังผู้ต้องหาครั้งที่ 4 แต่หากมีพยานหลักฐานอื่นๆ ที่ต้องสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติมอีก ก็จะขยายเวลาออกไป เพื่อไม่ให้เป็นการกดดันคณะทำงาน
ด้านความเคลื่อนไหวในพื้นที่ชายแดนใต้ ภายหลังมีข้อมูลคนร้ายปฏิบัติการอุกอาจ เคลื่อนย้ายระเบิดข้ามพรมแดนผ่านทางด่านศุลกากร ทำให้แม่ทัพภาคที่ 4 "บิ๊กเดฟ" พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ สั่งเพิ่มมาตรการเข้มงวดด่านพรมแดนทุกด่าน รวมทั้งด่านทางธรรมชาติในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น
พ.ต.อ.ศุภชัย พละเดช ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า ด่านพรมแดนในจังหวัดนราธิวาสมีอยู่ 3 ด่านหลัก คือ ด่านตาบา อำเภอตากใบ ด่านสุไหงโก-ลก อำเภอสุไหงโก-ลก และ ด่านบูเก๊ะตา อำเภอแว้ง ขณะนี้ได้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบบุคคล และในกรณีมีสัมภาระติดตัวมาด้วย จะขอให้มีการเปิดสัมภาระเพื่อตรวจค้น ส่วนยานพาหนะต้องมีเอกสารการขออนุญาตเข้าประเทศอย่างถูกกฎหมาย
--------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 ประกาศจับผู้ต้องหาคดีลอบวางระเบิดในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล 2 ล็อตหลัง 7 คน
2 พล.ต.ท.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข