กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพจี้ รบ.เลิกตัดงบฯ กองทุนเฉพาะโรค กว่า 650 ล.
กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพจี้รัฐบาลเลิกตัดงบฯ กองทุนเฉพาะโรค กว่า 650 ล. หวั่นกระทบผู้ป่วยเรื้อรัง เตรียมพบ ‘อนุทิน’ หาทางออก 5 ก.ย. ติงถูกรีดเเจกไปเที่ยวกระตุ้นเศรษฐกิจ
วันนี้ 16 ส.ค. 2562 โรงแรมเซนทรา แจ้งวัฒนะ ตัวแทนเครือข่ายผู้ป่วยเรื้อรัง ประกอบด้วยเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ประเทศไทย เครือข่ายผู้ป่วยโรคไต และกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ เเถลงข่าวกรณีที่มีข่าวว่า สำนักงบประมาณตัดงบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ที่อยู่นอกงบประมาณเหมาจ่ายรายหัว หรือกองทุนเฉพาะโรค เช่น กองทุนเอดส์ กองทุนไต กว่า 650 ล้านบาท ซึ่งจะกระทบผู้ป่วยโรคเรื้อรังมาก
นายนิมิตร์ เทียนอุดม กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ กล่าวว่า ยังไม่ทันจะข้ามวันหลังจากที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (รมว.สธ.) ประกาศไม่ร่วมจ่าย ไม่ล้มระบบ ได้รู้มาว่ากำลังมีปัญหาเรื่องงบประมาณที่ผ่าน ครม.ชุดที่แล้วที่อนุมัติตามที่สำนักงบประมาณเสนอ โดยมีการตัดงบประมาณที่เป็นกองทุนเฉพาะ เช่น ค่าบริการผู้ป่วยติดบ้านติดเตียงโดยเฉพาะผู้สูงอายุ กองทุนเอดส์ กองทุนโรคไต ซึ่งจะทำให้งบประมาณหายไปเกือบ 650 ล้านบาท ในขณะที่รัฐบาลชุดนี้ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยการแจกเงินให้คนไปเที่ยวคนละ 1,500 บาท รวมกว่า 15,000 ล้านบาท และใช้งบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจไปกว่า 200,000 ล้านบาท
“แม้ว่าจะเป็นมติ ครม.ชุดที่แล้ว แต่นายอนุทิน ซึ่งเป็นทั้งรองนายกฯ และ รมว.สธ. ไม่รู้ว่ารู้เรื่องนี้หรือไม่ ซึ่งการตัดงบประมาณในกองทุนเฉพาะโรคแบบนี้ จะส่งผลอย่างมากต่อการเข้าถึงการรักษา และยาจำเป็นของผู้ป่วยโรคเรื้อรัง แต่ประเทศนี้กำลังรีดเอาเงินที่จำเป็นไปใช้จ่ายในส่วนอื่นที่ไม่จำเป็น เช่น แจกเงินให้เที่ยว เป็นต้น” นายนิมิตร์ กล่าว
นายนิมิตร์ กล่าวต่อว่า งบประมาณที่ถูกตัดลดลง ส่งผลไปถึงค่าบริการผู้ป่วยติดบ้านติดเตียงโดยเฉพาะผู้สูงอายุ ที่ สปสช.ต้องรับผิดชอบคนไทยทุกคนทุกสิทธิ กลับถูกตัดลดลงกว่า 50 ล้านบาท ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดูแลผู้ป่วย โดยเฉพาะในสังคมที่มีผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้นและจำเป็นต้องได้รับการดูแลให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี แต่รัฐบาลนี้กำลังจะทิ้งคนแก่เหล่านี้ไว้ข้างหลัง ซึ่งเรานัดเข้าพบรมว.สธ.ได้วันที่ 5 ก.ย. แต่เราคิดว่าช้าไป ดังนั้น วันนี้ต้องขอส่งเสียงผ่านสื่อมวลชนไปยัง รมว.สธ.ให้ดำเนินการเรื่องนี้ด้วย
นางยุพดี ศิริสินสุข กรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า งบประมาณกองทุนเฉพาะเป็นงบประมาณสำคัญ เพราะดูแลกลุ่มประชาชนที่เปราะบางที่สุด ซึ่งรัฐบาลที่แล้วมีการเจรจาร่วมกันระหว่าง นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร อดีตรมว.สธ. สำนักงบประมาณ และสปสช. เดิมมีการตกลงต่อรองงบประมาณก้อนนี้รวมทั้งหมด 16,800 กว่าล้านบาท แต่กลับถูกตัดออกไปกว่า 680 ล้านบาท ซึ่งกรรมจะมาตกกับผู้ป่วย
ด้านนายอภิวัฒน์ กวางแก้ว ประธานเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ประเทศไทย กล่าวว่า รัฐบาลชุดที่แล้วไม่ต่างจากรัฐบาลชุดนี้ เพราะผู้นำเป็นคนเดียวกัน ยิ่งเห็นตัวเลขงบประมาณที่รัฐบาลชุดนี้ใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ยิ่งสะท้อนสะท้านใจ เพราะงบที่รัฐเอาไปแจก เอาไปกระตุ้น ล้วนเป็นไปตามที่นโยบายพรรคการเมืองหาเสียงไว้ แต่กลับมารีดเงินเอากับผู้ป่วย อย่างกรณีผู้ติดเชื้อเอชไอวี มีคนต้องรับยากว่า 300,000 คนและเริ่มมารักษาใหม่ปีละกว่า 30,000 คน หากงบประมาณลดลง คนเหล่านี้จะถูกตัดโอกาสในการมีชีวิตต่อ
ขณะที่ นายธนพลธ์ ดอกเเก้ว ตัวแทนเครือข่ายผู้ป่วยโรคไต กล่าวว่า เพิ่งเห็นว่างบประมาณกองทุนไตถูกตัดไปกว่า 300 ล้านบาท ในขณะที่ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังมีความจำเป็นที่ต้องฟอกไตต่อเนื่อง และขณะนี้พบว่าจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้น แต่ขณะที่สิทธิประโยชน์ที่จะทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น เช่น เครื่องฟอกไตที่บ้าน หรือยากดภูมิสำหรับผู้ป่วยปลูกถ่ายอวัยวะ รวมไปถึงค่าบริการการทำเส้นเลือดเพื่อเตรียมล้างไต หรือผู้ป่วยไตที่มีโรคร่วม ซึ่ง สปสช.อยู่ระหว่างพิจารณา แต่ถ้าถูกตัดงบประมาณ โอกาสที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ที่ว่าอาจจะหายไป
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า กลุ่มคนรักหลักประกันสุขจะมีการขอเข้าพบรัฐมนตรีประทรวงสาธารณสุขในวันที่ 5 ก.ย. 2562 เวลา 10.00น.
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/