จี้ กสทช. กำกับค่าบริการโทรศัพท์นอกโปรฯ หยุดเอื้อประโยชน์ค่ายมือถือ
กลุ่มผู้บริโภค และ คอบช. เรียกร้อง กสทช. ยืนหยัดกำกับอัตราค่าบริการนอกโปรโมชันตามแนวทางที่กำหนดไว้เดิม อย่าคล้อยตามเสียงเอกชน แต่ควรเห็นแก่ประโยชน์ของผู้บริโภคโดยรวม
จากกรณีที่ กสทช. กำลังเตรียมออก ‘ประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่อง การกำหนดและกำกับดูแลโครงสร้างอัตราค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ภายในประเทศ’ เพื่อกำกับโครงสร้างอัตราค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ภายในประเทศให้เป็นมาตรฐานเดียวกันนั้น
นายโสภณ หนูรัตน์ เลขานุการอนุกรรมการด้านสื่อสารและโทรคมนาคม คณะกรรมการองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคภาคประชาชน (คอบช.) ให้ความเห็นว่า ร่างประกาศ กสทช. ดังกล่าว ได้มีการนำมารับฟังความคิดเห็นสาธารณะ เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2562 ในร่างฉบับเดิมได้มีการกำหนดอัตราค่าบริการในส่วนที่เกินกว่าสิทธิการใช้งาน หรือ ค่าบริการนอกโปรโมชันอยู่ด้วย โดยกำหนดไว้ในร่างประกาศฯ ข้อ 6 (2) และภาคผนวก ข ว่าจะกำกับอัตราค่าบริการเสียง (การโทรออก) ไม่ให้เกินกว่า 0.90 บาทต่อนาที และบริการข้อความสั้น (การส่ง SMS) ไม่เกิน 1.50 บาทต่อข้อความ ซึ่งมองว่าแนวทางดังกล่าวจะส่งผลดีกับผู้บริโภค โดยทำให้ค่าบริการส่วนที่เกินจากรายการส่งเสริมการขายที่ใช้อยู่ (ส่วนนอกโปรโมชัน) ถูกลง จากนั้นจึงลงความเห็นไปว่าเห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าวเพราะเห็นว่าเป็นประโยชน์กับผู้บริโภคส่วนรวม
แต่อย่างไรก็ตาม ต่อมาได้รับทราบว่า ในร่างประกาศฉบับปัจจุบันที่สำนักงาน กสทช. กำลังเตรียมจะนำเสนอให้ที่ประชุม กสทช. เห็นชอบเพื่อมีผลบังคับใช้ต่อไปนั้น ได้มีการตัดส่วนนี้ออกไป โดยอ้างว่าเป็นการปรับแก้หลังจากที่มีการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ ซึ่งบรรดาบริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่หรือบรรดาค่ายมือถือต่างแสดงความไม่เห็นด้วย
“กสทช. ควรฟังเสียงผู้บริโภคซึ่งเป็นเสียงของคนส่วนใหญ่ในประเทศที่มีอำนาจต่อรองน้อยกว่าภาคธุรกิจ ตอนที่รับฟังความคิดเห็นก็มีเครือข่ายผู้บริโภคเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก และเครือข่ายฯ เห็นชอบกับแนวทางของร่างประกาศที่กำหนดว่าจะกำกับอัตราค่าบริการโทรศัพท์ทั้งในโปรโมชัน และนอกโปรโมชัน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้บริโภค จึงทำให้ไม่มีการคัดค้านหรือแสดงความเห็นแย้งกับร่างประกาศที่ กสทช. เสนอ เพราะเห็นว่าสิ่งที่ กสทช. ตั้งใจจะทำนั้นดีอยู่แล้ว และยังเป็นการป้องกันการเอาเปรียบและคำนึงถึงประโยชน์สาธารณะ แต่กลายเป็นว่า เสียงสนับสนุนอย่างเงียบๆ นั้นกลับถูกละเลยไป คงเหลือแต่เสียงค้านของค่ายมือถือดังอยู่ข้างเดียว” นายโสภณกล่าว
นายโสภณ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนั้นยังพบว่าตามร่างประกาศฉบับปรับปรุง ในภาคผนวก ก ที่กำหนดโครงสร้างอัตราค่าบริการตามสิทธิการใช้งานของรายการส่งเสริมการขายทั้งหมด พบว่ามีอัตราที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะบริการข้อความสั้น ที่เดิมกำหนดไว้ไม่เกิน 0.88 บาทต่อข้อความ แต่ในประกาศที่แก้ไข เพิ่มเป็น 0.97 บาทต่อข้อความ รวมถึงค่าบริการอินเตอร์เน็ตเคลื่อนที่ เดิมกำหนดไว้ ไม่เกิน 0.14 บาทต่อเมกะไบต์ เพิ่มเป็น 0.16 บาทต่อเมกะไบต์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า กสทช. ไม่ได้ยืนหยัดในการคุ้มครองผู้บริโภค แต่ทำให้เกิดการเอื้อประโยชน์ต่อภาคธุรกิจโดยไม่เป็นธรรม
“ขอเรียกร้องไปยัง กสทช. ให้พิจารณาออกประกาศกำกับค่าบริการโทรศัพท์ โดยใช้ร่างประกาศฉบับเดิมที่นำมารับฟังความคิดเห็น ซึ่งโดยรวมมีสาระสำคัญที่เป็นการคุ้มครองผู้บริโภคมากกว่าฉบับที่แก้ไข และในการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะก็ได้รับการเห็นชอบจากผู้เข้าร่วมในฝ่ายของผู้บริโภคแล้ว” นายโสภณกล่าว