กรณีศึกษา 'โซที' หนุ่มสัญชาติกัมพูชากับกม.กัญชาเสรีสหรัฐ ระวังโดนคุก-เนรเทศไม่รู้ตัว
"... กรณีของโซที เมื่อสถานะของเขาเป็นเพียงผู้มีสิทธิอยู่อาศัย แต่ไม่ได้เป็นบุคคลสัญชาติอเมริกัน โซทีจึงได้รับผลร้ายจากอำนาจในการใช้ดุลพินิจนี้ด้วย ส่งผลให้เขาถูกส่งตัวออกนอกประเทศทันที..."
เรามักจะได้ยินกันเสมอว่า บางมลรัฐของประเทศสหรัฐอเมริกาได้บัญญัติให้กัญชาเป็นสิ่งถูกกฎหมาย เช่น มลรัฐโคโรลาโด หรือมลรัฐแคลิฟอร์เนีย
นั่นหมายความว่าในมลรัฐนั้น จะมีร้านขายกัญชาอย่างเปิดเผย และบุคคลใดก็สามารถเดินเข้าไปในร้านขอซื้อกัญชาในรูปแบบต่าง ๆ ตามที่ผู้ขายสรรค์สร้างออกมาและเสพเพื่อสันทนาการได้อย่างสบายใจ
แต่นั่นจะไม่ได้หมายความว่า หากคนไทยคนใด ต้องการใช้กัญชาเพื่อความบันเทิงบ้าง ก็เพียงแต่ซื้อตั๋วเครื่องบินมุ่งหน้าไปยังมลรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยไม่ต้องมีข้อกังวลใด ๆ เลย
เพราะผลลัพธ์ที่ออกมาอาจจะรุนแรงซับซ้อนกว่าสิ่งที่คาดคิดไว้!
เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2557 มลรัฐวิสคอนซิน ประเทศสหรัฐอเมริกา (ซึ่งยังไม่มีการออกกฎหมายกัญชาเสรี) นายโซที คุม (Sothy Kum) ชายสัญชาติกัมพูชาผู้ซึ่งอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกามาตั้งแต่เขาอายุได้ 2 ขวบ ถูกจับกุมข้อหามีกัญชาไว้ในครอบครองและกำลังจะจำหน่าย
เมื่อเขารับสารภาพ ศาลได้ลงโทษโดยการคุมความประพฤติ 3 ปี
แต่ปรากฏว่าในช่วงเดือนธันวาคม 2558 เขาถูกจับอีกครั้งในเนื่องจากถูกตรวจพบกัญชาในบริษัทของเขา ถึงแม้คราวนี้โซทีจะอ้างว่าไม่ทราบว่าผู้ใดเป็นเจ้าของ แต่ในท้ายที่สุดเขาก็ถูกศาลลงโทษให้จำคุกเป็นระยะเวลา 1 ปี
โดยหลังจากที่เขาถูกจำคุกได้ 2 สัปดาห์ ภรรยาของโซทีก็เพิ่งรู้ตัวว่า เธอตั้งครรภ์บุตรสาวของโซทีอยู่
เมื่อโซทีรับโทษจำคุกครบระยะเวลา 1 ปีแล้ว แทนที่เขาจะได้รับการปล่อยตัว
ครอบครัวกับได้ทราบข่าวร้ายว่า เขาจะต้องถูกส่งตัวกลับประเทศกัมพูชา ซึ่งช่วงระยะเวลาก่อนเขาถูกส่งกลับ เขาได้ถูกกักขังต่ออีกเป็นระยะเวลา 7 เดือน จนได้รับการปล่อยตัวในเป็นเวลาสั้น ๆ ช่วงเดือนสิงหาคม 2560
ก่อนที่จะถูกคุมตัวอีกครั้งในเดือนตุลาคม 2560 และถูกส่งตัวกลับประเทศกัมพูชาในเดือนเมษายน 2561
@ นายโซที คุม (Sothy Kum) ชายสัญชาติกัมพูชา และครอบครัว (1)
สาเหตุที่โซทีถูกส่งตัวกลับประเทศกัมพูชา ทั้งที่ เขาใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตของเขาอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกานั้น
ต้องทำความเข้าใจว่าประเทศสหรัฐอเมริกานั้นแบ่งพิจารณากฎหมายออกเป็น 2 ระดับ ได้แก่ กฎหมายของรัฐบาลกลางหรือ Federal Law และกฎหมายในระดับมลรัฐ หรือ State Law โดยในระดับ Federal Law ยังคงถือว่ากัญชาเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ในขณะที่ State Law ของบางมลรัฐ ได้บัญญัติให้กัญชาเป็นสิ่งถูกกฎหมายแล้ว
อย่างไรก็ตาม ความซับซ้อนอีกขั้นหนึ่ง คือ การอ้างความชอบธรรมว่ากัญชาเป็นสิ่งถูกกฎหมายในระดับมลรัฐนั้น คงจะเป็นเพียงแต่สิทธิเฉพาะของบุคคลสัญชาติอเมริกันที่ใช้กัญชาตามที่กฎหมายอนุญาตเท่านั้น
แต่ถ้าหากบุคคลดังกล่าวเป็นต่างชาติต้องถือว่าตกอยู่ภายใต้ของ Federal Law
ดังนั้น จึงหมายความว่า หากคนต่างชาติมีกิจกรรมหรือถูกจับกุมในข้อหาเกี่ยวกับกัญชา
เขาผู้นั้นจะตกเป็นผู้กระทำความผิดกฎหมายในทันทีไม่ว่าสถานที่ที่เกิดเหตุจะมีกฎหมายในระดับ State Law กำหนดไว้ว่ากัญชาเป็นสิ่งถูกกฎหมายหรือไม่ก็ตาม และเมื่อคนต่างชาติทำผิดกฎหมาย ก็จะต้องพิจารณาต่อเนื่องไปถึงกฎหมายคนเข้าเมืองว่า บุคคลผู้นั้นจะมีสิทธิอาศัยหรือเดินทางเข้าออกประเทศสหรัฐอเมริกาหรือไม่อย่างใด ซึ่งแน่นอนว่ารัฐบาลของประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นผู้มีอำนาจใช้ดุลพินิจว่า บุคคลผู้มีประวัติการกระทำความผิดจะมีสิทธิอาศัยหรือเดินทางเข้าออกสหรัฐหรือไม่
@ นายโซที คุม (Sothy Kum) ชายสัญชาติกัมพูชา และครอบครัว (2)
กรณีของโซที เมื่อสถานะของเขาเป็นเพียงผู้มีสิทธิอยู่อาศัย แต่ไม่ได้เป็นบุคคลสัญชาติอเมริกัน โซทีจึงได้รับผลร้ายจากอำนาจในการใช้ดุลพินิจนี้ด้วย ส่งผลให้เขาถูกส่งตัวออกนอกประเทศทันที
นายดาวอริน ออดริค (Davorin Odrcic) ทนายความด้านคนเข้าเมืองกล่าวว่า คนต่างชาติที่มีประวัติการใช้กัญชาแม้จะเป็นเพียงความผิดลหุโทษ หรือในมลรัฐที่กัญชาถูกกฎหมายก็ตาม ก็อาจจะส่งผลให้ถูกปฏิเสธการขอวีซ่า กรีนการ์ด หรือการขอเป็นผู้อยู่อาศัยถาวรได้ และนอกจากนั้น ผู้ที่เคยได้รับสิทธิอยู่อาศัยอาจจะถูกตัดสิทธิการกลับเข้ามาในสหรัฐอีก
นายดาวอริน ยังระบุด้วยว่า เคยมีคนต่างชาติผู้ได้รับสิทธิการอยู่อาศัยถาวรในสหรัฐ และถูกจับกุมข้อหามีกัญชาในครอบครองในปริมาณที่น้อยกว่า 30 กรัม จึงส่งผลให้บุคคลดังกล่าวถูกเพิกถอนสิทธิการอยู่อาศัย
อาจจะกล่าวได้ว่า คนต่างชาติที่มีประวัติการใช้กัญชาแม้จะเป็นเพียงความผิดลหุโทษ หรือในมลรัฐที่กัญชาถูกกฎหมายก็ตาม ก็อาจจะส่งผลให้ถูกปฏิเสธการขอวีซ่า กรีนการ์ด หรือการขอเป็นผู้อยู่อาศัยถาวรได้ และนอกจากนั้น ผู้ที่เคยได้รับสิทธิอยู่อาศัยอาจจะถูกตัดสิทธิการกลับเข้ามาในสหรัฐอีก เขากล่าวต่อว่า เคยมีคนต่างชาติผู้ได้รับสิทธิการอยู่อาศัยถาวรในสหรัฐ และถูกจับกุมข้อหามีกัญชาในครอบครองในปริมาณที่น้อยกว่า 30 กรัม จึงส่งผลให้บุคคลดังกล่าวถูกเพิกถอนสิทธิการอยู่อาศัย
@ นายดาวอริน ออดริค (Davorin Odrcic) ทนายความด้านคนเข้าเมือง
จะเห็นได้ว่า หากเป็นความผิดเกี่ยวกับกัญชาแล้ว แม้ข้อหานั้นจะเบาเพียงใด แต่ผลที่เกิดนั้นอาจใหญ่หลวงมากเมื่อพูดถึงกฎหมายคนเข้าเมือง และหนทางเดียวที่จะคุ้มครองสิทธิคนต่างชาติจากการใช้กัญชาได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ก็คงจะต้องแก้กฎหมายในระดับ Federal Law ให้กัญชาเป็นสิ่งถูกกฎหมายเท่านั้น
นางเมลิซา ซาเจ้นท์ (Melissa Sargent) สมาชิกสภา กล่าวว่า ปัญหาดังกล่าวยังไม่อาจแก้ไขได้ด้วยการลบประวัติอาชญากรรมได้อีกด้วย ถึงแม้บุคคลผู้กระทำความผิดจะได้ยื่นคำร้องขอให้ลบประวัติอาชญากรรมแล้ว แต่นั่นก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อกฎหมายคนเข้าเมืองแต่อย่างใด
นายแซคคารี ไนติงเกล (Zachary Nightingale) ทนายความด้านคนเข้าเมืองในมลรัฐแคลิฟอร์เนียกล่าวว่า คนต่างชาติทุกคนควรได้รับคำแนะนำว่าห้ามยุ่งเกี่ยวกับกัญชาไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการกระทำที่ถูกกฎหมายหรือไม่ นอกจากนี้ เมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ได้มีกรณีของแพทย์ฝึกหัด 2 คนที่อยู่ในมลรัฐโคโลราโดซึ่งเป็นมลรัฐที่เปิดเสรีกัญชา และทั้งสองคนทำงานเกี่ยวกับกัญชาอย่างถูกกฎหมาย ก็ยังถูกปฏิเสธสิทธิการได้รับสัญชาติ หรือแม้กระทั่งกรณีของนักลงทุนชาวเยอรมันที่ต้องการนำเงินมาลงทุนเกี่ยวกับธุรกิจกัญชา ทั้งที่เขาได้จัดทำเอกสารและจ่ายภาษีเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจกัญชาอย่างถูกต้องครบถ้วน แต่ในท้ายที่สุดเขาก็ถูกห้ามไม่ให้เข้าประเทศ
คำแนะนำเดียวของบรรดานักกฎหมายคนเข้าเมืองคือ ห้ามบุคคลที่ไม่ได้สัญชาติอเมริกันยุ่งเกี่ยวกับกัญชาเด็ดขาด
ทั้งนี้ ปัญหาการถูกส่งตัวออกนอกประเทศ ในเบื้องต้นคงจะเป็นดุลพินิจของเจ้าพนักงานท้องถิ่นผู้พบการกระทำความผิด เนื่องจากในเวลาที่คนต่างชาติถูกจับโดยเฉพาะในมลรัฐที่กัญชาเป็นสิ่งถูกกฎหมาย เจ้าพนักงานท้องถิ่นอาจใช้ดุลพินิจไม่แจ้งต่อสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองหากเป็นความผิดเพียงเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ในช่วงปี 2558 ถึง 2561 สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองสหรัฐได้จับกุมคนต่างชาติจำนวน 49 คนจากเรือนจำเนื่องจากความผิดเกี่ยวกับกัญชา และอีกจำนวน 26 คนถูกจับกุมนอกเรือนจำ
สำหรับกรณีของโซทีนั้น ในขณะแรกที่ถูกส่งตัวกลับไป เขาไม่รู้จักใครเลยที่ประเทศกัมพูชาเนื่องจากสมาชิกครอบครัวทั้งหมดของโซทีอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริการวมทั้งพ่อแม่และญาติพี่น้องของเขา เขาต้องใช้เวลาเป็นปีในการปรับตัว
ในปัจจุบันเขาอาศัยอยู่ในเมืองพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ประกอบอาชีพเป็นครูสอนหนังสือเด็กชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 และ 6 และเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ภรรยาของเขาก็ได้ขายกิจการที่สหรัฐและย้ายไปอยู่พนมเปญพร้อมกับลูกสาว โซทีได้อยู่พร้อมหน้ากับภรรยาและลูกสาวอีกครั้ง แต่ก็อาจจะยังมีสมาชิกครอบครัวอีกหลายคนที่โซทีอาจไม่มีโอกาสได้พบเจออีกเลยในชีวิตนี้
@ นายโซที คุม (Sothy Kum) ชายสัญชาติกัมพูชา และครอบครัว (3)
ดังนั้นแล้ว คนไทยคนใดที่เคยได้รับทราบมาว่าประเทศอื่นเปิดกัญชาเสรีและหวังว่าจะได้เดินทางไปใช้สิทธินั้นบ้าง ก็คงจะต้องศึกษาข้อกฎหมายกันให้ละเอียดก่อนที่จะจองตั๋วเครื่องบิน
ไม่เช่นนั้นแล้วท่านอาจตกอยู่ในสถานะผู้ถูกเนรเทศโดยไม่รู้ตัวเลยก็เป็นได้!
(เรื่อง/ภาพ/แปล/เรียบเรียงจากhttps://www.wisconsinwatch.org/2019/08/advice-to-immigrants-do-not-mess-with-marijuana-even-where-it-is-legal/?fbclid=IwAR33Xb77YBDV4OTXjSAmxwvTzmYnXAHiAceRkMChe9ogvZBMIfRZozCosws)
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/