บ.น้ำมันรำข้าว‘พิธา’! กก.ร่วม‘เครือญาติ’ รายได้สูงสุด 1,040 ล. – ขาดทุนฮวบปี 59
เปิดเอกสารดูชัดๆ บ.ผลิตน้ำมันรำข้าว ‘ทิม-พิธา’ส.ส.อนาคตใหม่ เป็น กก.ร่วม‘แสง ลิ้มเจริญรัตน์’2549-2560 กลุ่มทุนญี่ปุ่นร่วมถือหุ้น แจ้งรายได้สูงสุด 1,040 ล. ช่วงปี 55 กำไร 16 -31 ล. ขาดทุนฮวบ ปี 59 กว่า 145 ล. ก่อนลาออก 6 มี.ค.60
ยังมีข้อสงสัยว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (ทิม) ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ผู้อภิปรายนโยบายทางด้านการเกษตรของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในเรื่องปัญหากระดุม 5 เม็ด อดีตผู้บริหาร บริษัท ซีอีโอ อกริฟู้ด จำกัด ธุรผลิตน้ำมันรำข้าว ธุรกิจของครอบครัว เป็นกรรมการ บริษัทฯ ช่วงไหนกันแน่? และมียอดรายได้นับพันล้าน ตามที่เจ้าตัวเคยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนก่อนหน้านี้หรือไม่?
ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำข้อมูล ผลประกอบการในช่วง 5 ปี (ปี 2557-2561) บริษัท ซีอีโอ อกริฟู้ด จำกัด มารายงานไปแล้ว ในช่วงปี 2558-2561 มีผลประกอบการขาดทุนสุทธิ 89.3 -145.5 ล้านบาท ขาดทุนสะสม 281.5 ล้านบาท (อ่านประกอบ: แกะกระดุมธุรกิจ‘ทิม-พิธา’อดีตผู้บริหาร บ.น้ำมันรำข้าว ‘ของจริง’ในสภาฯ ?)
คราวนี้มาดูข้อมูลอย่างละเอียด
บริษัท ซีอีโอ อกริฟู้ด จำกัด จดทะเบียนวันที่ 10 ต.ค. 2548 ทุน 2 ล้านบาท นายพงษ์ศักดิ์ ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นกรรมการเพียงคนเดียว 30 ธ.ค.2548 เพิ่มทุน เป็น 50 ล้านบาท มีการเปลี่ยนที่ตั้งหลายครั้ง ล่าสุด ที่ตั้งเลขที่ 126 ซอยเสนานิคม 1 ซอย 40 ถนนเสนานิคม 1 แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร ที่ตั้งสำนักงานบัญชี 102 ซอยอารี ถนนสุขุมวิท 26 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร
ในช่วงก่อตั้ง นายพงษ์ศักดิ์ ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นกรรมการเพียงคนเดียว ต่อมามีการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการหลายครั้ง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เข้ามาเป็นกรรมการเมื่อ 5 ต.ค. 2549 - 6 มี.ค.2560
โดยเป็นกรรมการร่วมกับนายแสง ลิ้มเจริญรัตน์ มีรายละเอียดดังนี้
5 ต.ค.2549 นายแสง ลิ้มเจริญรัตน์ และ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (ขณะอายุ 26 ปี) เป็นกรรมการ
28 ก.ค.2551 กรรมการ 3 คน นายแสง ลิ้มเจริญรัตน์ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และนายภาษิณ ลิ้มเจริญรัตน์ (ขณะอายุ 24 ปี น้องชายนายพิธา) เป็นกรรมการ
22 พ.ย.2555 นายภาษิณ ลิ้มเจริญรัตน์ ออกจากกรรมการ เหลือ กรรมการ 2 คนคือ นายแสง ลิ้มเจริญรัตน์ และ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์
11 ต.ค.2558 มีกรรมการเพิ่มขึ้นเป็น 10 คน ได้แก่ นายแสง ลิ้มเจริญรัตน์ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ นายภาษิณ ลิ้มเจริญรัตน์ นายบรรลือ ลิ้มเจริญรัตน์ นายพีระพล นันทสำเริง นายวนป ลิ้มเจริญรัตน์ น.ส.สุภาพร พงษ์ลิขิตพัฒน์ และนายฮารูโอะ คะตะโอะกะ นายทาคาฮโร่ ยามะชิตะ และ นายอคิโตะ คะตะอิเสะ
20 ก.พ.2560 มีการเปลี่ยนแปลงกรรมการบางคน มีจำนวน 10 คนแหมือนเดิม
6 มี.ค.2560 นายพิธา ออกจากกรรมการ
1 ก.ย.2560 นายภาษิณ ออกจากรรมการ
ปัจจุบันมีกรรมการ 9 คนคื นายแสง ลิ้มเจริญรัตน์ นายบรรลือ ลิ้มเจริญรัตน์ นายวนป ลิ้มเจริญรัตน์ นายตุนท์ ลิ้มเจริญรัตน์ น.ส.รัตนา สมานรักษ์ นางปรีดาวรรณ พฤกษาชีวะ นางปิ่นศรี ศิริเจน นางสมส่วน วัชรพงศ์ น.ส.อนุษฐา เชาว์วิศิษฐ
ข้อมูลผู้ถือหุ้น
ผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 8 ต.ค.2548 นายพงษ์ศักดิ์ ลิ้มเจริญรัตน์ ถือหุ้นใหญ่ 19,994 หุ้น จากจำนวนทั้งหมด 20,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท
23 ธ.ค.2548 มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ราย จากผู้ถือหุ้น 7 ราย ได้แก่ 1.นายพงษ์ศักดิ์ ลิ้มเจริญรัตน์ 64,996 หุ้น 2.บริษัท พรพนา พาณิช จำกัด 300,000 หุ้น และ 3.บริษัท ไบโซออยส์ แอนด์ แฟท จำกัด (สัญชาติญี่ปุ่น) 135,000 หุ้น จากจำนวนทั้งหมด 500,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท
30 เม.ย.2549 มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 2 รายจากผู้ถือหุ้น 7 ราย ได้แก่ บริษัท พรพนา พาณิช จำกัด 364,995 หุ้น และ บริษัท ไบโซออยส์ แอนด์ แฟท จำกัด (สัญชาติญี่ปุ่น) 135,000 หุ้น
2 ก.ค.2555 มีผู้ถือหุ้น 3 ราย ได้แก่ บริษัท พรพนา พาณิช จำกัด 365,000 หุ้น บริษัท ไบโซออยส์ แอนด์ แฟท จำกัด (สัญชาติญี่ปุ่น) 67,500 หุ้น และ บริษัท โซจิซึ คอปอเรชั่น จำกัด (สัญชาติญี่ปุ่น) 67,500 หุ้น
9 ต.ค.2561 มีผู้ถือหุ้น 3 ราย บริษัท พรพนา พาณิช จำกัด 365,000 หุ้น นายวนป ลิ้มเจริญรัตน์ 67,500 หุ้น และ นายตุนท์ ลิ้มเจริญรัตน์ 67,500 หุ้น
ข้อมูลงบการเงิน
รอบปี 2549 บริษัทฯมีรายได้ 18,824,352.43 บาท ขาดทุนสุทtธิ 10,097,299.68 บาท จากนัั้นมีรายได้เพิ่มขึ้นและมีกำไรสุทธิ รายได้สูงสุดปี 2554 จำนวน 1,040,204,768.48 บาท กำไรสุทธิ 31,993,074.37 บาท , ปี 2555 รายได้ 1,045,280,150 บาท กำไรสุทธิ 16,327,469 บาท หลังจากนั้นลดลง ขาดทุนสุทธิ 3 ปีติดต่อกัน ในช่วงปี 2559-2561 (ดูตาราง)
รอบปี 2561 รายได้รวม 118,468,256.44 บาท ขาดทุนสุทธิ 89,393,676.63 บาท สินทรัพย์ 298,976,423.65 บาท หนี้สิน 530,504,524.82 บาท ขาดทุนสะสม 281,528,101.17 บาท
จากข้อมูลเห็นได้ว่า นายพิธา เป็นกรรมการตั้งแต่ปี 2549 ร่วมกับนายแสง และลาออกช่วงต้นปี 2560 บริษัทฯมีรายได้สูงสุดรอบปี 2555 จำนวน 1,045 ล้านบาท กำไรสุทธิสูงสุด 31.9 ล้านบาท ปี 2554 ขาดทุนสุทธิสูงสุดในปี 2559 จำนวน 145.6 ล้านบาท ก่อนลาออก เมื่อ 6 มี.ค.2560
เป็นโฟรไฟล์ธุรกิจ ก่อนมาเป็นนักการเมือง
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/