ไขคำวินิจฉัยยกฟ้องคดี 'ปธ.สภาเทศบาลเมืองยาง' -รับสารภาพชั้นต้น ไฉนอุทธรณ์หมดอายุความ?
"..เนื่องจากเหตุในคดีนี้ เกิดขึ้นก่อนวันที่พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีทุจริตแลประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 มีผลใช้บังคับระยะเวลาการฟ้องคดีจึงต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 95 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับขณะกระทำความผิด และไม่อาจนำพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีทุจริตแลประพฤติมิชอบ พ.ศ. 2559 มาตรา 3 มาใช้บังคับ เนื่องจากทำให้ระยะเวลาที่บุคคลต้องรับโทษทางอาญาขยายเพิ่มขึ้นกว่าระยะเวลาอายุความตามที่กฎหมายกำหนดไว้ในขณะการกระทำผิดและเป็นการขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และขัดต่อหลักความรับผิดของบุคคลในการรับโทษทางอาญาตามประมวกฎหมายอาญา มาตรา 2 วรรคหนึ่ง บุคคลจักต้องรับโทษในทางอาญา ต่อเมื่อได้กระทำการอันกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำนั้นบัญญัติเป็นความผิด..."
"ศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 23 พ.ย. 2561 พิพากษากลับให้ยกฟ้อง โดยวินิจฉัยว่า คดีขาดอายุความ"
คือ บทสรุปคดีปลอมเอกสาร เพื่อช่วยเหลือให้ได้รับการบรรจุแต่งตั้งเป็นพนักงานส่วนตําบล ในส่วนของ นายนิคม จุไธสง ประธานสภาเทศบาลตำบลเมืองยาง อําเภอเมืองยาง จังหวัดนครราชสีมา ที่สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำมาเสนอให้สาธารณชนได้รับทราบไปแล้ว
โดยปรากฎข้อมูลว่า ศาลอุทธรณ์ ได้พิพากษากลับให้ยกฟ้อง นายนิคม จุไธสง ประธานสภาเทศบาลตำบลเมืองยาง อําเภอเมืองยาง จังหวัดนครราชสีมา ในคดีปลอมเอกสาร เพื่อช่วยเหลือให้ได้รับการบรรจุแต่งตั้งเป็นพนักงานส่วนตําบล ซึ่งถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดเมื่อวันที่ 30 มี.ค. 2560 ว่า มีความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 เนื่องจากวินิจฉัยแล้วเห็นว่า คดีขาดอายุความ
หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 16 พ.ค.2561 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติ มิชอบภาค 3 มีคำพิพากษา ว่า นายนิคม จุไธสง ผิดตามมาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 จําคุก 1 ปี 4 เดือน ให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตาม มาตรา 78 คงจําคุก 8 เดือน
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีการประชุมเมื่อวันที่ 21 มี.ค. 2562 มีมติขอความอนุเคราะห์อัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อพิจารณาฎีกาคําพิพากษาของอุทธรณ์ อย่างไรก็ดี อสส. พิจารณาแล้ว แจ้งความเห็นตอบกลับไม่ฎีกาต่อ (อ่านประกอบ :คดีขาดอายุความ! ศาลอุทธรณ์ ยกฟ้อง ปธ.สภาเทศบาลเมืองยางโคราช ปลอมเอกสารช่วยบรรจุ พนง.)
ล่าสุดสำนักข่าวอิศรา สืบค้นความเห็น อสส. ที่มีความเห็นไม่ฎีกาคําพิพากษาของอุทธรณ์ดังกล่าว พบว่า มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
อสส. ระบุว่า คดีนี้ได้มีการดำเนินคดีอาญาและมอบหมายให้ พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต ภาค 3 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายประเสริฐ เรียนไธสง ผู้กล่าวหาที่ 1 กับ พวกรวมสามคน ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ,83, 86 และได้มีหนังสือแจ้งผู้ถูกกล่าวหาทั้งสามราย มารายงานตัวต่อพนักงานอัยการ เพื่อยื่นฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 3 ในวันที่ 9 มิ.ย. 60 (คดีขาดอายุความในวันที่ 11 มิ.ย. 60 ) ปรากฏว่า ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 ไม่มาศาล
ส่วนผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 คือ นายนิคม จุไธสง มาพบพนักงานอัยการตามกำหนด แต่ระหว่างการนำตัวไปยื่นฟ้องผู้ถูกกล่าวที่ 2 ได้หลบหนีไป ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 มีคำสั่งให้แยกฟ้องผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ที่ 2 และที่ 3
ต่อมาในวันที่ 28 มิ.ย.2560 ผู้ถูกกล่วหาที่ 2 ได้มารายงานตัวต่อพนักงานอัยการ และได้ยื่นฟ้อง นายนิคม จุไธสง ผู้ถูกกล่าวที่ 2 เป็นจำเลยต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ประกอบมาตรา 86
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 เดิมประกอบ มาตรา 86 จำคุก 1 ป 4 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณมีเหตุบรรเทาโทษลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก จำเลย 8 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พิพากษากลับให้ยกฟ้อง โดยวินิจฉัยว่า คดีขาดอายุความ
พิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ได้หลบหนีไประหว่างนำตัวผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ไป ฟ้องต่อศาล โดยผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ได้มารายงานตัวต่อพนักงานอัยการ ในวันที่ 28 มิถุนายน 2560 ซึ่งพ้นกำหนดอายุความตมกฎหมายแล้ว
โดยพนักงานอัยการยื่นฟ้องผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ต่อศาลในวันเดียวกัน จึงเป็นการฟ้องผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 เมื่อพ้นกำหนดอายุความ
แม้ว่าพระราชบัญญัติวิธีพิจาณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 มาตรา 13 กำหนดไม่ให้นับระยะเวลาที่ผู้ถูกกล่าวหาหรือจำเลยหลบหนีไประหว่างดำเนินคดีหรือระหว่างการพิจารณาคดีของศาลรวมเป็นส่วนหนึ่งของอายุความ
แต่เนื่องจากเหตุในคดีนี้ เกิดขึ้นก่อนวันที่พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีทุจริตแลประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 มีผลใช้บังคับระยะเวลาการฟ้องคดีจึงต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 95 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับขณะกระทำความผิด และไม่อาจนำพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีทุจริตแลประพฤติมิชอบ พ.ศ. 2559 มาตรา 3 มาใช้บังคับ เนื่องจากทำให้ระยะเวลาที่บุคคลต้องรับโทษทางอาญาขยายเพิ่มขึ้นกว่าระยะเวลาอายุความตามที่กฎหมายกำหนดไว้ในขณะการกระทำผิดและเป็นการขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และขัดต่อหลักความรับผิดของบุคคลในการรับโทษทางอาญาตามประมวกฎหมายอาญา มาตรา 2 วรรคหนึ่ง บุคคลจักต้องรับโทษในทางอาญา ต่อเมื่อได้กระทำการอันกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำนั้นบัญญัติเป็นความผิด ซึ่งเป็นไปตามเหตุผลตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 101666/2558 ได้วินิจฉัยว่า พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2540 มาตร 74/1 ซึ่งมีข้อความลักษณะเดี่ยวกันกับพระราชบัญญัติวิธีพิจาณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 มาตรา 13 ว่าเป็นกฎหมายที่กำหนดในลักษณะให้อายุความสะดุดหยุดลงเช่นนี้ เป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานในกระบวนการยุติธรรมที่รัฐธรรมนูญบัญญัติและคุ้มครอง
จึงไม่สามารถนำพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 มาตรา 13 มาใช้บังคับกับคดีที่เกิดขึ้นก่อนวันที่กฎหมายดังกล่าวมีผลใช้บังคับได้
ทั้งหมดนี่ เป็นรายละเอียดความเห็นของ อสส. พิจารณาแจ้งความเห็นตอบกลับคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่ฎีกาต่อคดีนี้ ในส่วนของ นายนิคม จุไธสง
สำหรับคดีในส่วน นายประเสริฐ เรียนไธสง อดีตนายกเทศมนตรีตำบลเมืองยาง อําเภอเมืองยาง จังหวัดนครราชสีมา จำเลยที่ 1 นั้น สำนักข่าวอิศรา นำข้อมูลมาเสนอไปแล้วว่า ศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 12 พ.ย. 2561 พิพากษายืนตาม ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติ มิชอบภาค 3 ว่า มีผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 จําคุก 2 ปี จําเลย ให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตาม ม. 78 คงจําคุก 1 ปี
ส่วนจำเลยที่ 3 ในเว็บไซต์คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียด จึงไม่ทราบว่า เป็นใคร? และความคืบหน้าการฟ้องร้องคดีในปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนไหน?
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/
อ่านประกอบ :
หลักฐานไม่พอลงโทษ! อสส.ขัด ป.ป.ช.อุทธรณ์ยกฟ้องอดีตหน.คลังอบต.ห้องแซง เบียดบังเงินกบท.
รอโทษคุก3ปี! อดีตปธ.อบต.นามะเขือ นครพนม-พวก แก้ไขโครงการปรับปรุงซ่อมถนนไม่ผ่านสภาฯ
รับสารภาพ-คืนเงิน! รอโทษคุก2ปี อดีตนายกอบต.เกษตรสุวรรณ-พวก เบิกจ่ายดูงานศก.พอเพียงเท็จ
ศาลอุทธรณ์ ยืนคุก1ปี อดีตปลัดอบต.ป่าแดง-พวก ปกปิดไม่ขายเอกสารสอบราคาก่อสร้าง-ซื้อแอร์
ยอมคืนเงิน11ล.! ศาลอุทธรณ์ ยืนคุก17ปี6ด. แพทย์สธ.สุโขทัย ทุจริตเบิกเงินบัตรประกันสุขภาพ
ศาลอุทธรณ์ ยืนโทษจำคุก 'อดีตนายกฯท่าบ่อ หนองคาย-พร้อมเมีย' คดีเบิกเงินกลุ่มอาชีพสตรี
ศาลจังหวัดบึงกาฬ สั่งจำคุก 5 ปี อดีตนายก อบต.หนองหัวช้าง เรียกรับเงินตอบแทนบรรจุพนง.
รอโทษคุก3ปี4 ด.คุมความประพฤติ! อดีตนายกฯบ้านเกาะ รื้อไม้ห้องเรียนเด็กไปเก็บไว้บ้านพัก
ศาลอุทธรณ์ สั่งจำคุก2 ปี อดีตปลัดอบต.นาสี หนองบัวลําภู เบิกเงินค่าก่อสร้างระบบประปามิชอบ
คุก1ปี! อดีตปลัดอบต.น้ำบ่อหลวง เชียงใหม่ เบิกจ่ายค่าอาหารที่พักโครงการอบรมศึกษาดูงานปี 55
คุก 6 เดือน รอการลงโทษ2 ปี! นายกอบต.ปากข้าวสาร สระบุรี นํารถหลวงไปใช้ปย.ส่วนตัว
ศาลอุทธรณ์ ยืนคุก 1 ปี อดีตนายกเทศมนตรีเมืองยาง โคราช ปลอมเอกสารบรรจุ พนง.ส่วนตําบล
ศาลอุทธรณ์ยืนคุก 5ปี! อดีตนายกเทศมนตรีลาดบัวหลวง อยุธยา ทุจริตจัดซื้อรถดับเพลิงปี 43
คุก7ปี6ด.! อดีตผอ.กองการศึกษาเทศบาลท่ายาง เบียดบังเงินศูนย์พัฒนาเด็กเล็กไปเป็นปย.ส่วนตัว
ศาลอุทธรณ์ ยืนคุก3ปี4ด.! นายอบต.ด่านจาก โคราช เรียกรับเงินตอบแทนพิเศษจาก พนง.- ลูกจ้าง
คุก10 ปี! อดีตนายกอบต.นาพรุ นครศรีธรรมราช อนุมัติจ่ายขาดเงินสะสม-จ้างวิธีพิเศษเอื้อปย.
ศาลอุทธรณ์ แก้คำพิพากษาสั่งจำคุก 3 ปี 4 ด. นายกอบต.คลองน้ำไหล ทุจริตฮั้วจ้างเหมา 7 โครงการ
อสส.ขัดป.ป.ช.ไม่อุทธรณ์คดีลักลอบขุดทราย ศาลฯ ยกฟ้องอดีตนายกอบต.ชุมตาบง
คุก 35 ปี ! อดีตผอ.รร.บ้านมะรือโบตก นราธิวาส คดีทุจริตเบิกถอนเงินบัญชีฝากโรงเรียน
คุก 2 ปี ปรับ1หมื่น! อดีตจนท.คณะแพทยศาสตร์ฯ มหิดล เบียดบังโน้ตบุ๊กหลวงไปใช้ปย.ส่วนตน
ศาลอุทธรณ์ ยืนคุก35 ปี อดีตปลัดเทศบาลป่าอ้อดอนชัย เรียกรับเงินเปอร์เซ็นต์ร้านค้า-คู่สัญญา
คุก 2 ปี! อดีตรองเลขาฯ กสม. นำหนังสือโดนแจ้งล้มละลายออกจากระบบ เลี่ยงถูกอายัดเงินเดือน
ศาลอุทธรณ์ ยืนคุก10 ปี อัยการจว. เรียกรับเงินผู้ต้องหา-เมีย ช่วยสั่งคดี สมัยอยู่อุบลฯ